ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ได้ต่อยอดโครงการ Krungsri Zero Waste ด้วยแนวคิดและแนวปฏิบัติ Race to Net Zero รณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ ขณะเดียวกันธนาคารได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย
พูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2565 ปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero จึงได้ถือกำเนิดบนวิสัยทัศน์ดังกล่าวและได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านความยั่งยืน คณะผู้บริหาร ตลอดจนความร่วมมือจากพนักงานกรุงศรี กรุ๊ป ทุกระดับ ในการผลักดันให้บรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ด้วยการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัลให้มากขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าพร้อมๆ กับการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันพูนสิทธิ์ยังได้กล่าวว่า ทางธนาคารยังต่อยอดปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero ด้วยการตั้งเป้าหมายลดขยะ RDF (Refuse-Derived Fuel) ให้เหลือศูนย์ภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายแนวคิดนี้สู่วงกว้างด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรองค์กรต่างๆ ในการรณรงค์ลดขยะ RDF ในปี 2566 โดยจะเริ่มจากองค์กรระดับประเทศที่ตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต” ซึ่งปัจจุบันซึ่งขยะดังกล่าวไม่สามารถที่จะรีไซเคิลได้ และสร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
ผู้บริหารของธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ รายนี้ยังได้กล่าวถึงประเด็นของ ESG ซึ่งธุรกิจหลายแห่งได้พยายามนำประเด็นนี้เข้ามาประกอบในการทำธุรกิจมากขึ้น เขายังได้ชี้ว่า “ESG ไม่ได้เป็นทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจ” และเขายังเสริมว่า “การนำเรื่อง ESG เข้ามายังเพิ่มประสิทธิภาพของธนาคาร เช่น การจัดการเรื่องความเสี่ยงขององค์กรนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะต้องคิดถึงในหลายมิติ เป็นต้น”
ขณะเดียวกันธนาคารกรุงศรีอยุธยายังได้ตั้งเป้าในปี 2030 จะขยายพอร์ตสินเชื่อ ESG เป็น 15% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด จากปัจจุบันขนาดของพอร์ตสินเชื่อธนาคารอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท และขนาดพอร์ตสินเชื่อ ESG อยู่ที่ 2%