หลังจากยื้อมานานถึง 3 เดือน กลายเป็นว่าเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ กลับออกมาล้มดีลการเข้าซื้อ ‘ทวิตเตอร์’ (Twitter) ที่มีมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ทวิตเตอร์ก็ไม่ยอมง่าย ๆ โดยได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อบังคับให้มัสก์กับมาปิดดีลในมูลค่าเดิม
บริษัททวิตเตอร์ ได้ยื่นฟ้อง อีลอน มัสก์ ซีอีโอ เทสลา ต่อศาลรัฐเดลาแวร์ เพื่อบังคับให้มัสก์เข้าซื้อกิจการตามข้อตกลงเดิมที่ทำกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยศาลในรัฐเดลาแวร์มักจัดการกับข้อพิพาททางธุรกิจในหลายบริษัท
“มัสก์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงของเขากับทวิตเตอร์และผู้ถือหุ้น เนื่องจากข้อตกลงนั้นไม่ได้สร้างผลประโยชน์ส่วนตัวให้กับเขาอีกต่อไป” ข้อความในเอกสารที่ทวิตเตอร์ยื่นฟ้องมัสก์
สำหรับดีลของการซื้อทวิตเตอร์นั้น มัสก์ได้ยื่นข้อเสนอที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราคา 54.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาด 38% และหลังจากที่ดีลล้มราคาหุ้นทวิตเตอร์ตกลงมาอยู่ที่ 34.06 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าราคาที่เคยเสนอซื้อถึง 37%
ทั้งนี้ ในข้อตกลงซื้อขายควบรวมกิจการมีบทบัญญัติที่เรียกว่า ข้อปฏิบัติเฉพาะ ซึ่งศาลสามารถบังคับให้มัสก์ซื้อบริษัททวิตเตอร์ได้ หากเขามีความสามารถในการจัดหาเงินทุน นอกจากนี้ มัสก์ยังอาจถูกสั่งให้ต้องจ่ายเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยการถอนตัวจากดีลซื้อขายกิจการ
แต่ถ้ามัสก์จะรอดพ้นข้อบังคับดังกล่าวโดยไม่ต้องชดเชยหรือมีบทลงโทษ มัสก์ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการผิดสัญญาจากฝั่งทวิตเตอร์ โดยมัสก์กล่าวหาฝั่งทวิตเตอร์ว่า ทวิตเตอร์ไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันตามสัญญา โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนบัญชีปลอมและบอทบนแพลตฟอร์มอย่างเพียงพอ โดยเขาคาดว่ามีบัญชีปลอมคิดเป็นสัดส่วน 20% ไม่ใช่ 5% อย่างที่ทวิตเตอร์ชี้แจง