การเทขายหุ้น เทสลา (Tesla) ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น โดยเป็นการสูญเสียติดต่อกัน 7 สัปดาห์ติด ปัจจุบัน มูลค่าร่วงกว่า 15% ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2020
หุ้นของ เทสลา ดิ่งกว่า -15% ซึ่งถือเป็นการร่วงหนักสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 โดยตั้งแต่ที่หุ้นเทสลาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 479.86 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2024 หลังจากนั้นราคาหุ้นลดลงกว่า 50% ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดลงกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์
โดยราคาหุ้นเทสลา ลดลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่บริษัทเปิดตัวบน Nasdaq ในปี 2010 และถือว่าลดลง นับตั้งแต่ อีลอน มัสก์ เข้ารับตำแหน่ง หัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้นของเทสลาเมื่อวันจันทร์ก็คือ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนภาษีของทรัมป์ เพราะแคนาดาและเม็กซิโก ที่ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษี ถือเป็นตลาดสําคัญสําหรับซัพพลายเออร์ยานยนต์ ซึ่งภาษีที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิต และอาจนําไปสู่ราคารถที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ยอดขายของเทสลาก็ลดลงต่อเนื่องในหลายตลาด โดยนักวิเคราะห์จาก Bank of America’s เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ใหม่ของเทสลาใน ตลาดยุโรป ลดลงประมาณ 50% ใกล้เคียงกับตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง จีน ที่ยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 49% ทำได้เพียง 30,688 คัน ตามรายงานของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจีน ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง X ก็เพิ่งเจอปัญหา ล่ม หลายครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่ง มักส์ ระบุเพียงว่า แพลตฟอร์มถูก โจมตี ในส่วนธุรกิจ Space X ก็กำลังเผชิญกับการสืบสวนเกี่ยวกับการระเบิดสองครั้งติดต่อกัน ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการทดสอบการบินของจรวด Starship