TCP โหมพอร์ต “ฟังก์ชันนอลดริงก์” แบรนด์ “แมนซั่ม” เจาะ Gen Z “ไฮ่! X DHC” ยึดเบอร์ 2 ตลาด

  • พอร์ตเครื่องดื่มกลุ่มฟังก์ชันนอลดริงก์ปี 2565 ของ TCP จะกลับมาโหมตลาดเต็มที่ ผ่านทัพสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ แมนซั่ม, แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ และ ไฮ่! X DHC หวังยอดขายรวม 1,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน
  • เครื่องดื่มแมนซั่มมีการปรับลุคและการสื่อสารให้เหมาะกับ Gen Z วัย 15-24 ปี ดึงสองนักดนตรีจากวงเยาวชน Yes Indeed Band เป็นพรีเซ็นเตอร์
  • แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ เจาะกลุ่มผู้ชายวัยทำงาน มองโอกาสทองในกลุ่มลูกค้าที่สนใจดื่มวิตามิน วอเตอร์แต่ยังไม่เคยลอง และปั้นการสื่อสารให้ลูกค้าซื้อเป็นสต็อก “ติดตู้เย็น”
  • ไฮ่! X DHC มาแรง ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดสำเร็จจากการคอลแลปแบรนด์วิตามินซีชื่อดังของญี่ปุ่น เดินหน้ากลยุทธ์ Massive Sampling แจกชิม 500,000 ขวด

หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มสดใสขึ้น รวมถึงกลุ่มฟังก์ชันนอลดริงก์ด้วย โดยข้อมูลจาก “ประไพภักตร์ ไวเกิล” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวถึงคาดการณ์ปี 2565 กลุ่มตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ (ไม่รวมวิตามิน วอเตอร์) น่าจะเติบโตได้ 5.6% มูลค่าตลาดแตะ 7,700 ล้านบาท และ กลุ่มตลาดวิตามิน วอเตอร์ น่าจะเติบโต 4.7% มูลค่าตลาดแตะ 2,500 ล้านบาท

ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเมื่อปี 2564 เป็นปีที่ฟังก์ชันนอลดริงก์สะดุดครั้งแรกหลังโตติดต่อกันมาหลายปี โดยเมื่อปีก่อนตลาดติดลบถึง -13.3%

TCP
“ประไพภักตร์ ไวเกิล” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP

นั่นทำให้ปี 2565 นี้ กลุ่ม TCP จะโหมตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมี 3 แบรนด์ในพอร์ต ได้แก่ แมนซั่ม, แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ และ ไฮ่! X DHC ทุกแบรนด์ใช้งบการตลาดรวม 450 ล้านบาท และจะมีการออกสินค้าสูตรใหม่ในปีนี้

 

“แมนซั่ม” ปรับลุคเจาะคน Gen Z

เริ่มที่แบรนด์ “แมนซั่ม” เครื่องดื่มผสมแร่ธาตุสำหรับผู้ชายที่เปิดตัวครั้งแรกปี 2556 เน้นในกลุ่มลูกค้าวัยเรียนมาโดยตลอด แต่เมื่อลูกค้าในยุคเปิดตัวซึ่งเป็นกลุ่มคน Gen Y เติบโตไปสู่วัยทำงานแล้ว ทำให้ปีนี้จะมีการปรับการสื่อสารและปรับลุคให้ตรงกับเป้าหมาย Gen Z ที่อยู่ในช่วงวัยเรียนอายุ 15-24 ปีอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

TCP ให้อินไซต์ของผู้ชายวัยเรียนว่า เป็นวัยที่จะอยู่กับกลุ่มเพื่อนเป็นส่วนใหญ่ และผู้ชายต้องการจะดูดี ผิวพรรณดี เพื่อเรียกความมั่นใจ ได้รับการยอมรับทั้งจากกลุ่มเพื่อนและเพศตรงข้าม ซึ่งเป็นเมสเสจที่แมนซั่มสื่อสารกับตลาดมาตลอด

TCP ฟังก์ชันนอลดริงก์

เสริมด้วยเมสเสจในเชิง emotional นั่นคือ แมนซั่มสนับสนุนความเป็น “สุภาพบุรุษ” หมายถึงผู้ที่มีทัศนคติเชิงบวกและให้เกียรติผู้อื่น

จากเป้าหมายและเมสเสจของแบรนด์ ทำให้ปีนี้แมนซั่มมีการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัยเหมาะกับวัยรุ่น Gen Z รวมถึงเลือกพรีเซ็นเตอร์ใหม่จากวง Yes Indeed Band คือ “พอร์ส-นรากร อิสระวรางกูร” มือกีตาร์และร้องนำ และ “มังกร-รัชชานนท์ วรกิจไพบูลย์” มือกลอง วงดนตรีวงนี้เป็นวงดนตรีเปิดหมวกที่วัยรุ่นชื่นชอบ แม้จะยังไม่เคยออกอัลบัม แต่มีชื่อเสียงโด่งดังในโซเชียลมีเดีย และมีแฟนคลับจำนวนมาก

รวมถึงเข้าเป็นสปอนเซอร์รายการ “อย่าหาว่าน้าสอน” ของ น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เพราะมีการสื่อสารเข้ากับแบรนด์ รายการมอบทัศนคติที่ดีให้น้องๆ ผู้ชายในสังคม

จากการมุ่งเป้า Gen Z ซึ่งเป็นเจนที่รักษ์โลกมากขึ้น บริษัทจึงเลือกแมนซั่มเป็นแบรนด์แรกของพอร์ตที่ปรับแพ็กเกจจิ้งให้เป็นวัสดุรีไซเคิลได้ 100% ด้วย

 

แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ หวังขึ้นเป็น Top 3

ด้านเครื่องดื่มน้ำวิตามินถือเป็นตลาดเรดโอเชียนที่แข่งกันดุเดือด แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวใหม่ในปี 2564 ปัจจุบันอยู่ใน Top 5 ของตลาดที่มีแข่งกัน 13 แบรนด์และวางเป้าจะขึ้นเป็น Top 3 ให้ได้ในปีนี้

ฟังก์ชันนอลดริงก์ TCP
แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ สูตรใหม่ล่าสุด “อาซาอิ เบอร์รี่” และกันยายนปีนี้ จะมีออกใหม่อีก 2 สูตร

ทาร์เก็ตหลักของแบรนด์จะเป็นกลุ่มผู้ชายวัย 25-34 ปี เป็นคนทำงานที่ต้องการดูแลร่างกายและรูปลักษณ์ของตนเอง โดยจากการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคชายวัย 18-44 ปีนั้น 70% มีการดื่มน้ำวิตามินอยู่แล้ว และมีกลุ่ม 14% ที่ยังไม่เคยดื่มแต่มีความสนใจ

ทำให้นอกจากการชิงกลุ่มลูกค้าที่ดื่มประจำจากแบรนด์อื่นแล้ว แมนซั่มหวังโอกาสทองที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่เคยดื่มน้ำวิตามินมาก่อน โดยอาศัยจุดขายว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์สำหรับ “ผู้ชาย” โดยเฉพาะ การโปรโมตแบรนด์จึงเลือกจับมือกับ GQ แบรนด์เสื้อผ้าคนทำงานเพศชายซึ่งมีเป้าหมายสอดคล้องกัน

รวมถึงจะเน้นการสื่อสารว่าเป็นน้ำวิตามินที่สามารถดื่มแทนน้ำเปล่าได้ เพราะไม่มีน้ำตาล ดื่มได้ทุกวัน เน้นการซื้อสต็อก “ติดตู้เย็น” เหมายกลัง โดยส่ง conversion ลูกค้าเข้าซื้อผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ

 

“ไฮ่! X DHC” มาแรงขึ้นอันดับ 2 จากการคอลแลป

ปิดท้ายที่แบรนด์มาแรงในพอร์ตของ TCP น้ำวิตามินซีช็อต “ไฮ่! X DHC” แบรนด์นี้เปิดตัวเฉพาะชื่อ “ไฮ่!” ครั้งแรกเดือนมีนาคม 2563 และมาเริ่มคอลแลปกับ DHC ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งทำให้ขายดีขึ้นมาก

Hi! x DHC ปัจจุบันมี 3 รสชาติ สิงหาคมปีนี้จะมีออกใหม่อีก 2 รสชาติ

ประไพภักตร์ระบุว่า การคอลแลป DHC วิตามินซีขายดีที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้ล่าสุด ไฮ่! X DHC ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาดวิตามินซีช็อตแล้ว และตั้งเป้าว่าปีนี้จะโตอีก 40%

กลุ่มลูกค้าจะยังคงเดิมคือเป็นคนวัยทำงานอายุ 25-34 ปีทุกเพศ และยังชูเมสเสจเดิมคือการใช้วิตามินพรีเมียมจากแบรนด์ DHC ของญี่ปุ่น ทำให้แบรนด์เลือก “เรียวตะ โอมิ” ยูทูปเบอร์คนดังชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในไทยมาทำหน้าที่ ‘Brand Talk’ เพื่อช่วยสร้างการรับรู้คุณสมบัติของวิตามินซีญี่ปุ่นได้อย่างน่าเชื่อถือ

รวมถึงจะจัดกลยุทธ์ Massive Sampling จำนวน 500,000 ขวดตามออฟฟิศและสถานีรถไฟฟ้า เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองชิมมากขึ้น

ด้านสภาวะตลาดโดยรวมฟังก์ชันนอลดริงก์ ประไพภักตร์มองว่าค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นและอัตราเงินเฟ้อน่าจะมีผลไม่มากต่อตลาดนี้ เพราะในยุคหลัง COVID-19 ผู้บริโภคไทยต้องการฟังก์ชันนอลดริงก์ในฐานะเครื่องดื่มดูแลสุขภาพ ซึ่งทาง TCP จะพยายามตรึงราคาสินค้าในกลุ่มนี้ไว้ แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นแล้วก็ตาม