ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลายคนอาจจะเคยเห็นศิลปินไทย ขึ้นป้ายบิลบอร์ดที่ “ไทม์สแควร์” ใจกลางกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกากันมาบ้างแล้ว โดยอาจจะเป็นแคมเปญต่างๆ ของแบรนด์สินค้า หรือล่าสุดก็เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นการโปรโมตทีมฟุตบอลชาติไทย
แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็น “แบรนด์ไทย” ขึ้นโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นไพรม์โลเคชั่น เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อีกทั้งยังมีมูลค่าสื่อมากมายมหาศาล
ล่าสุด “สิงห์ เลมอนโซดา” ในฐานะแบรนด์ไทย ได้ขึ้นบิลบอร์ดใจกลางไทม์สแควร์เป็นครั้งแรก นับเป็นมิติใหม่ของวงการการตลาด และวงการสื่อ ยกระดับแบรนด์สัญชาติไทยให้โกอินเตอร์
เบื้องหลังของแคมเปญนี้เป็นการที่ “สิงห์” ได้ทำตลาด “สิงห์ เลมอนโซดา” บุกตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการ เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีการเติบโตค่อนข้างดี ทางสิงห์จึงดันออกสู่ตลาดอื่นๆ มากขึ้น เพราะด้วยเทรนด์ของเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล และเป็นเครื่องดื่มผสมวิตามินซีด้วย
ทางสิงห์เองได้ส่งสิงห์ เลมอนโซดาไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อส่งสินค้าไปแล้ว ย่อมมีการทำการตลาด สิงห์จึงได้ซื้อป้ายโฆษณาใจกลางไทม์สแควร์อย่างที่เห็นนี้
ความน่าสนใจอยู่ที่ การขึ้นป้ายบิลบอร์ดครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ในอเมริกาเท่านั้น … อย่างที่ทราบกันดีว่า ไทม์สแควร์ คือหนึ่งในไพรม์โลเคชั่นของโลก เวลามีใครทำอะไร ต้องการโปรโมตอะไร ก็อยากไปขึ้นป้ายบิลบอร์ดที่นั่น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่
เรียกง่ายๆ ว่าไทม์สแควร์เป็นพื้นที่ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะฉะนั้นบิลบอร์ดที่นี่มันจึงเป็นบิลบอร์ดที่มีความสำคัญในแง่ของการมองเห็นที่ว่า “ถ้าสิ่งใดอยู่บนบิลบอร์ดนั้น โลกจะมองเห็น” นั่นเอง
การที่สิงห์ เลมอนโซดาไปขึ้นป้ายอยู่ที่นั้น ในแง่ของการโฆษณาก็คือ การก้าวจากแบรนด์ไทยไปสู่ตลาดอินเตอร์อย่างเต็มตัว สอดคล้องกับการที่สิงห์ เลมอนโซดาได้เริ่มส่งขายในต่างประเทศ และอีกหลายประเทศก็อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา หรือการตกลงทำรายละเอียดกัน ในอนาคตแบรนด์จะเติบโตในต่างประเทศมากขึ้น
การที่ได้เห็นแบรนด์สิงห์มีมูฟเมนต์ใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะ อีกหนึ่งเบื้องหลังมาจากผู้บริหารรุ่นใหม่อย่าง “เต้ ภูริต ภิรมย์ภักดี” ด้วยเช่นกัน ถ้าใครได้ติดตามบ่อยๆ จะเห้นว่าสิงห์เองก็พยายามทราส์ฟอร์มแบรนด์ตัวเองที่เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีอายุ 89 ปี ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
หนึ่งในกลยุทธ์หลักที่จับต้องได้ง่ายที่สุด ก็คือ การมองหาโอกาสใหม่ๆ น่านน้ำใหม่ๆ เพื่อทำให้สิงห์ก้าวเข้าสู่ยุค New Gen เราจึงได้เห็นสิงห์เข้าสู่การขยายตลาดใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ และนวัตกรรมใหม่ๆ
ยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สิงห์ในน้ำหนักกับตลาดสินค้าไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcohol) มากขึ้นด้วย เนื่องจากมีโอกาส และสามารถสร้างกำไร สร้างการเติบโตระยะยาวได้ เช่น น้ำดื่มสิงห์ มีแคมเปญใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็นกับแบรนด์น้ำดื่มอื่นๆ
สิงห์ เลมอนโซดาเองก็เป็นอีกหนึ่งผลผลิตของการทรานส์ฟอร์มของสิงห์ ที่ต้องการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน นอกจากธุรกิจเบียร์ โซดา น้ำดื่มที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ต้องขยับหาฐานลูกค้าใหม่ๆ โอกาสใหม่มากขึ้น ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่