คุยกับ “ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” เจ้าของ “เสือพ่นไฟ” กว่าจะปัง เคยทำธุรกิจพังมาแล้ว 7 ครั้ง

  • กว่าจะเป็นเจ้าของอาณาจักรเสือพ่นไฟ ชุติมาเคยทำธุรกิจมาแล้ว 8 ครั้ง แต่เจ๊งไป 7 เนื่องจากไม่มีแพชชั่นที่แท้จริง ทำตามกระแส
  • เลือกทำธุรกิจอาหาร และประสบความสำเร็จ เพราะเรียนทางด้านอาหารโดยตรง และเป็นคนชอบกิน แฟรนไชส์แรกที่นำเข้ามาคือ Nice Two Meat U
  • ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 6 แบรนด์ ตั้งชื่อบริษัทด้วยกิมมิกคำว่า “รวย” ทุกบริษัท อนาคตจะเตรียมตั้งเป็นโฮลดิ้ง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป”
พูดคุยกับ “เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังหลายแบรนด์วัย 39 ปี ที่ขึ้นชื่อสุดก็คือ ชานมไข่มุก “เสือพ่นไฟ” ในปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือ 6 แบรนด์ มีทั้งซื้อแฟรนไชส์ และพัฒนาเอง แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ทำธุรกิจล้มมาเยอะ

5 ปี มี 6 แบรนด์

ชุติมา มีหุ้นส่วนธุรกิจอีกคน แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ เริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจอาหารได้ 5 ปีแล้ว จากการซื้อแฟรนไชส์ Nice Two Meat U ร้านปิ้งย่างเกาหลีเข้ามาเปิดตลาดในไทย เปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ซอย 3 หลังจากนั้นได้ขยับขยายเปิดแบรนด์ใหม่ โดยแต่ละแบรนด์จะมีเซ็กเมนต์ที่แตกต่างกัน เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

ภายในเวลา 5 ปี ได้มีแบรนด์ในเครือ 6 แบรนด์ ได้แก่

  • Nice Two Meat U ร้านปิ้งย่างเกาหลี
  • Fire Tiger by Seoulcial Club ร้านชานมไข่มุก ขนมหวาน
  • Mil Toast House ร้านขนมปัง เบเกอรี่สไตล์เกาหลี
  • E BOMB ร้านแซนด์วิชไข่ สไตล์ญี่ปุ่น
  • Da Tang (ต้าถังหม้อไฟ) ร้านชาบูหมาล่าสไตล์จีน เปิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
  • หมูกระทะคนรวย แบรนด์ล่าสุด เพิ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่สยามสแควร์ เส้นติดถนนอังรีดูนังต์

nice two meat u

ในการตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร หรือพัฒนาแบรนด์ใดๆ ชุติมามีวิธีคิดที่ว่า ตลาดนั้นยังไม่มีแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาด หรือไม่มี Top of Mind เรียกง่ายๆ ว่า ถ้าจะเปิดแล้ว ต้องปังให้ได้

ชุติมาเริ่มเล่าว่า “จุดเริ่มต้นตอนทำร้าน Nice Two Meat U ก่อนจะเปิดอะไรจะดูก่อนว่าอาหารในกลุ่มนั้นยังไม่มีที่หนึ่งในใจ ตอนนั้นเองร้านปิ้งย่างเกาหลียังไม่มี Top of Mind เท่าไหร่ ถ้าไป Korean Town ก็มีหลายชื่อ หลายร้านมากๆ และยังไม่มีร้านที่หาทานง่ายตามศูนย์การค้า และส่วนตัวเป็นคนชอบกินปิ้งย่าง ชาบูอยู่แล้วด้วย”

ในด้านการทำงานกับหุ้นส่วนจะมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ชุติมาจะดูแลด้านโอเปอเรชั่น หรือด้านปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้าน การเทรนพนักงาน ส่วนพาร์ตเนอร์ดูแลเรื่องเงิน บัญชี แบรนด์ การตกแต่งต่างๆ และเป็นคนที่ Conservative มาก ระมัดระวังทุกอย่าง

ทำธุรกิจมา 8 ครั้ง เจ๊งไป 7

ชุติมาไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารมาก่อน แรกเริ่มก็เป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป มีออกมาทำธุรกิจส่วนตัวบ้างตามภาษาคนที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก กว่าธุรกิจจะปังได้เฉกเช่นทุกวันนี้ ชุติมาได้ผ่านประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายธุรกิจ ส่วนใหญ่จะ “เจ๊ง” 

แต่ด้วยความที่เรียนมาทางด้านอาหารโดยตรง ก็เลยมาเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร จนได้ซื้อแฟรนไชส์ Nice Two Meat U

ชุติมาจบการศึกษาเกี่ยวกับอาหารโดยตรง ด้าน Gastronomy ระดับปริญญาโท จาก Boston University สหรัฐอเมริกา หลังจากที่กลับจากต่างประเทศก็เริ่มทำงานในบริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ HR พอทำได้อยู่ 2 ปี ก็ได้เปิดร้านกาแฟที่ย่านสาทร ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ แต่แล้วก็มีเหตุทำให้บริษัทแห่งหนึ่งย้ายออกจากสาทร จึงคิดว่าลูกค้าต้องหายแน่ๆ เลยขายกิจการ ตอนนั้นได้เงินมาก้อนหนึ่ง ชุติมาเลยออกมาเล่นหุ้นฟูลไทม์ แต่ก็เล่นได้ไม่นาน เพราะเป็นคนใจไม่แข็งพอ

“แต่ก่อนทำมาหลายอย่างมาก Nice Two Meat U เป็นธุรกิจที่ 9 โดยที่ 8 ธุรกิจแรกเจ๊งไป 7 มีทั้งยิมมวย, ร้านนวด, ร้านแว็กซ์, ช่องทีวี, ร้านเสริมความงาม, ร้านตัดเสื้อ, ร้านกาแฟ ธุรกิจที่รอด ก็คือ ร้านทำเล็บที่สยามซอย 3”

ชุติมาบอกถึงเหตุผลหลักที่ธุรกิจก่อนหน้านี้ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเรื่อง Passion ล้วนๆ ที่ผ่านมาทำตามเทรนด์ ตามกระแส แต่ไม่ได้ชอบมันจริงๆ

fire tiger

“ทุกธุรกิจที่ทำมามีความแตกต่างกันมาก ไม่ได้ทำในสิ่งที่รักมันจริง คิดว่าเป็นกระแสก็ทำ ช่วงหนึ่งที่คนต่อยมวยเยอะๆ ก็เปิดยิมมวย คิดว่าได้เงินง่ายก็ทำ แต่ส่วนตัวไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย แถมไม่ได้เป็นคนออกกำลังกายด้วย ตั้งแต่เปิดมาไม่เคยต่อยมวยสักครั้ง แต่เรื่องอาหาร และเครื่องดื่มยังเป็น Passion อยู่เสมอ”

เมื่อร้านทำเล็บเป็นธุรกิจหนึ่งเดียวที่รอดของชุติมา หยัดยืนในโลเคชั่นสยามซอย 3 ชุติมาจึงถือโอกาสในการใช้สถานที่นี้ในการทำธุรกิจต่อๆ ไป Nice Two Meat U สาขาแรกก็เปิดที่สยามซอย 3 เป็นแฟลกชิปสโตร์ ทำให้ตอนนี้สยามซอย 3 กลายเป็นอาณาจักรของชุติมา มีทั้ง Nice Two Meat U, Fire Tiger, E BOMB, Mil Toast House และ Da Tang   

เหตุผลที่สร้างอาณาจักรในซอยนี้ ชุติมาบอกว่า “ร้านอยู่ซอยเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการจัดการ ตรวจงานง่าย ธุรกิจเกิดจากสยาม ร้าน Nice Two Meat U ทำให้เรามีเงินต่อ เรารักโลเคชั่นนี้ อีกทั้งเวลาไม่อิงตามห้างด้วย ทำครัวกลางอยู่แถวนี้ เดลิเวอรี่ได้สะดวก กลุ่มลูกค้าหลากหลาย ชาวต่างชาติ นักเรียน มหาลัย คนทำงาน ครอบครัว คนมีกำลังซื้อ คิดว่าถ้าเปิดร้านไหนจะต้องเปิดที่สยามสแควร์เป็นแฟลกชิปสาขาแรกก่อน”

พลังแฟรนไชส์ และพัฒนาแบรนด์เอง

“มี Passion กับเกาหลี บ้า BTS มาก อินกับเกาหลี” คือ คำอธิบายว่า ทำไมร้านอาหารของชุติมาเป็นสไตล์เกาหลีทั้งสิ้น

ทั้ง 6 แบรนด์ เป็นการซื้อแฟรนไชส์จากเกาหลี 2 แบรนด์ ได้แก่ Nice Two Meat U และ Mil Toast House ที่เหลืออีก 4 แบรนด์เป็นการพัฒนาเองทั้งหมด ได้พัฒนาจากความต้องการของผู้บริโภคในตลาด โอกาสในตลาดว่ายังมีตรงไหนบ้าง

อย่าง Fire Tiger By Seoulcial Club เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อ ทำตลาดได้ 3 ปีแล้ว ได้เกิดขึ้นจากตอนเปิดร้าน Nice Two Meat U สาขาแรก แล้วมีลูกค้าเยอะมากๆ ทางชุติมาอยากเทิร์นลูกค้าเร็วๆ จึงไม่มีเมนูขนมหวานในร้าน แต่ลูกค้าก็อยากทานขนมหวานในร้านให้จบที่ร้านเดียว เลยทำร้าน Seoulcial Club ขึ้นมา ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นเมนูบิงซู แต่ก็พบว่าทำแล้วไม่ยั่งยืน เพราะคนมาถ่ายรูปครั้งเดียวแล้วจบ

fire tiger

“ตอนทำ Seoulcial Club พยายามลงทุนเครื่องกาแฟเลย อยากขายกาแฟ แต่พอดูลูกค้ามีแต่ขาจร ไม่มีลูกค้าเดิม เลยพยายามปรับเมนู ดูว่าอะไรมาติด และทำให้ลูกค้ากลับมาซ้ำ สุดท้ายเลยใส่ชาไข่มุกเข้าไป เลยดังขึ้นมา และเปิดเป็นแบรนด์ใหม่ Fire Tiger By Seoulcial Club ตอนแรกเปิดคีออสเล็กใกล้ๆ ธนาคารกสิกรไทยในสยาม ตอนนั้นเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก เป็นเหมือนกรงเสือ มีหัวเสือ เป็นยุคชานมไข่มุกกำลังดัง โชคดีที่จังหวะพอดี”

ตอนนี้ Fire Tiger By Seoulcial Club มีทั้งหมด 16 สาขา ต่างประเทศ 3 สาขา เป็นการซื้อแฟรนไชส์ที่อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา

แบรนด์นี้ยังสามารถต่อยอดเป็น “โรงเตี๊ยมเสือพ่นไฟ” เป็นการทำร้านสไตล์จีนๆ แรกเริ่มมีเมนูที่พัฒนาจากชานม เช่น พุดดิ้ง น้ำแข็งไส จากนั้นก็เริ่มมีเมนูอาหารคาว ชุดข้าวต้ม อาหารทานง่ายๆ เริ่มที่ไอคอนสยามสาขาแรก เป็นจุดที่ทางแบรนด์ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะขึ้น

fire tiger
โรงเตี๊ยมเสือพ่นไฟ

รวมไปถึงการเปิดตัวแบรนด์ลูกอย่าง Fire Tiger Junior ชานมไข่มุกในราคาเริ่มต้น 69 บาท ถูกกว่าแบรนด์แม่ครึ่งๆ จะมีคนละเมนู จับลูกค้าคนละกลุ่ม เป็นแบรนด์ที่ทำเพื่อขายแฟรนไชส์ในไทย เริ่มสาขาแรกที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

ส่วนแบรนด์ Da Tang จริงๆ มีแผนที่จะเปิดได้ 4 ปีแล้ว เตรียมการตั้งแต่ Nice Two Meat U เปิดปีแรก มีการทำร้าน ทำป้าย ขึ้นป้ายมานานมาก แต่ติดทำโปรเจกต์อื่นมาตลอด จนในปีนี้ได้ฤกษคลอดเสียที ชื่อก็มาจากราชวงศ์ “ต้าถัง” เป็นราชวงศ์ใหญ่ของจีน

“4 ปีก่อน ถ้าพูดถึงชาบูสไตล์โช้งชิ่ง นอกจากแบรนด์ใหญ่จากต่างประเทศที่มาเปิดในไทยจะดังที่สุดแล้ว ตอนนั้นร้านแนว Instagramable แฟชั่นนิดๆ ยังไม่มีในไทย เราอยากเป็นที่ 1 ถ้ามองแล้วว่าเป็น Top of Mind ไม่ได้ ก็ไม่ทำ ตอนนี้ช่วงเวลาเหมาะ คนออกไปต่างประเทศไม่ได้ อยากทานอาหารต่างประเทศ”

ล่าสุดกับแบรนด์ “หมูกระทะคนรวย” ชุติมาบอกว่าส่วนตัวเป็นคนติดทานอาหารสตรีทฟู้ด อาหารแซ่บๆ ชอบตะเวนกิน แต่พอช่วง COVID-19 เลยไม่กล้ากินหมูกระทะทั่วไป เลยทำร้านหมูกระทะคนรวยขึ้นมา ขายเป็นเซตเริ่มต้น 199 บาท แม้จะชื่อคนรวยแต่ราคาเข้าถึงง่าย เตาปกติทั่วไป แต่ชื่อคนรวยเป็นกิมมิกเฉยๆ

“สำหรับแฟรนไชส์มีแค่แบรนด์ Nice Two Meat U กับ Mil Toast House ตอนที่นำ Mil Toast เข้ามาตอนนั้นยังไม่มีคาเฟ่ขนมปังเกาหลีแบบโฮมมี่ๆ สีไม้ๆ แต่การเอาแฟรนไชส์แบรนด์เข้ามา ยังไม่ท้าทายเท่าเปิดแบรนด์เอง และออกไปสู่ต่างประเทศ อย่าง Fire Tiger ก็ดีใจที่ได้เอาแบรนด์ออกไปสู่ต่างประเทศได้”

เป้าหมายพา “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” เข้าตลาดฯ

“ตอนแรกจะใช้ชื่อเป็นหมูกระทะคนสวยก่อน แต่เปลี่ยนใจเป็นคนรวยดีกว่า เล่นกิมมิกได้มากกว่า”

เนื่องจากชุติมาเปิดบริษัทใหม่ให้แก่ทุกๆ แบรนด์ และในชื่อบริษัทจะมีคำว่า “รวย” อยู่ด้วยหมด หมูกระทะคนสวยจึงกลายเป็นหมูกระทะรวย

  • Nice Two Meat U : บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด
  • Fire Tiger By Seoulcial Club : บริษัท รวยสบาย สบาย จำกัด
  • Mil Toast House : บริษัท รวยปังปัง จำกัด (เพราะเป็นขนมปังด้วย)
  • E BOMB : บริษัท รวยอู้ฟู้ จำกัด
  • Da Tang : บริษัท รวยแสนล้านตำลึงทอง จำกัด
  • หมูกระทะคนรวย : บริษัท รวยอินฟินิตี้ จำกัด

ในอนาคตชุติมาตั้งเป้าว่าจะตั้งเป็นบริษัทแม่ หรือโฮลดิ้ง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” แล้วมีบริษัทเหล่านี้ในเครือ มีแผนที่จะพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ขอวางระบบหลังบ้านให้นิ่งก่อน และพยามสร้างคนให้พร้อม ตอนนี้อยู่ในช่วงวางรากฐาน ขอเวลาราวๆ 3 ปี

ปัจจุบันมีร้านในเครือ 6 แบรนด์ มองว่าจะมีแค่ 8 แบรนด์เท่านั้น หรือสูงสุดที่ 9 แบรนด์ก็พอ ไม่มีเยอะไปกว่านี้แล้ว ในแผนจะมีเพิ่มอีก 2 แบรนด์ โดยแบรนด์ที่เคาะแน่ๆ แล้วก็คือ Nice Two Sea U เป็นร้านอาหารทะเลเกาหลี ต่อยอดจาก Nice Two Meat U ให้เจ้าของแฟรนไชส์ช่วยดีไซน์เมนูให้

สัดส่วนรายได้ใหญ่ 60% ยังมาจากแบรนด์ Nice Two Meat U เพราะมียอดใช้จ่ายเยอะกว่า ส่วนอีก 40% มาจาก Fire Tiger