“รัสเซีย-ยูเครน” ลงนามข้อตกลงเปิดทางส่งออก “ธัญพืช” แก้วิกฤตอาหารโลก

รัสเซียและยูเครนลงนามข้อตกลงเปิดท่าเรือในทะเลดำ เพื่อส่งออกอาหารและธัญพืชออกสู่ตลาดโลก ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศอัดฉีด “อาวุธ” ล็อตใหม่ให้แก่เคียฟ ท่ามกลางวิกฤตสงครามที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 เดือนเต็มแล้ว

สถานการณ์การสู้รบที่ยังคงดุเดือดในยูเครนตะวันออกเป็นสัญญาณเตือนว่าสันติภาพยังอีกยาวไกล ขณะที่ผู้แทนรัสเซีย-ยูเครนก็ยังปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะเจรจา และไม่แม้แต่จะ “จับมือ” ทักทายกัน ในพิธีลงนามข้อตกลงเปิดทางส่งออกธัญพืชที่อิสตันบูลเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 65

ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้ยูเครนสามารถส่งออกผลผลิตธัญพืชประมาณ 20 ล้านตันที่เก็บเกี่ยวได้ในปีที่แล้ว ซึ่งจะมีมูลค่ารวมถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข้อตกลงเปิดทางส่งออกธัญพืชจากยูเครนจะทำให้ข้าวสาลี น้ำมันดอกทานตะวัน ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์อื่นๆ หลั่งไหลออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น และอาจจะในราคาที่ถูกลงด้วย ซึ่งช่วยสร้างความหวังให้แก่ประชากรนับสิบๆ ล้านคนในกลุ่มประเทศยากจนที่กำลังเผชิญความอดอยาก

การที่กองเรือทะเลดำของรัสเซียปิดท่าเรือของยูเครนไว้ส่งผลให้ธัญพืชหลายสิบล้านตัน รวมถึงเรือสินค้าต่างๆ ไม่สามารถเดินทางออกไปได้ นำมาซึ่งการสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน และเมื่อบวกกับมาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกใช้กับรัสเซียด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ราคาอาหารและพลังงานทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น

มอสโกปฏิเสธความรับผิดชอบต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยชี้ว่าเป็นเพราะมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่ทำให้การส่งออกอาหารและปุ๋ยลดลง ขณะเดียวกันก็โทษยูเครนว่าวางทุ่นระเบิดปิดทางเข้าออกท่าเรือในทะเลดำไว้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ

ในส่วนที่ชาติตะวันตกกังวลว่าการเปิดเส้นทางเดินเรืออาจจะทำให้ยูเครนสุ่มเสี่ยงต่อการถูกรัสเซียโจมตีหรือไม่นั้น เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า มอสโกจะไม่ “ฉวยโอกาส” จากการที่ทุ่นระเบิดถูกเคลียร์ออกไปจากท่าเรือของยูเครน

“รัสเซียพร้อมจะปฏิบัติตามพันธกรณีที่ระบุในข้อตกลง และเราจะไม่ฉวยโอกาสจากการที่ท่าเรือเหล่านั้นได้รับการเคลียร์ (ทุ่นระเบิด) และเปิดใช้งาน” ชอยกู ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya-24

ด้าน ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาแสดงความหวังว่าข้อตกลงที่มียูเอ็นเป็นตัวกลางนี้ “จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของวิกฤตที่รัสเซียเป็นผู้ก่อขึ้น” และสหรัฐฯ ก็จะ “เฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่ารัสเซียจะทำตามสัญญาหรือไม่”

ทำเนียบขาวได้ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านการทหารให้แก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 270 ล้านดอลลาร์ รวมถึง “โดรน” ซึ่งจะมีมูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังพิจารณาความเป็นไปได้ในการส่ง “เครื่องบินรบ” เข้าไปช่วยยูเครน แม้จะออกตัวว่า “คงยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้” ก็ตาม

Source