หลังจากที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนไต้หวัน ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ และไต้หวัน ยิ่งทวีความตึงเครียด โดยทางจีนก็ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการ ประกาศซ้อมรบด้วยอาวุธจริงรอบอาณาเขตไต้หวัน รวมถึงระงับการนำเข้าและส่งออกสินค้า และหนึ่งในนั้นก็คือ ทราย
กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ออกมา ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากไต้หวัน เพื่อพุ่งเป้าโจมตีไปยังอุตสาหกรรมเกษตรของไต้หวัน โดยข้อมูลศุลกากรของจีนแสดงให้เห็นว่า รวม ๆ แล้วสินค้าที่ถูกระงับการนำเข้ามี 2,000 รายการ จากที่เคยนำเข้ามาประมาณ 3,200 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ชา บิสกิต ไปจนถึงปลา
นอกจากนี้ยังได้ระงับการส่งออกทราย ของประเทศไปยังไต้หวันอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าทรายนั้นเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิต ชิป ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไต้หวัน โดยตัวเลขยอดส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเดือนมิถุนายนของไต้หวันอยู่ที่ 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็น 41% ของยอดส่งออกทั้งหมด ขณะที่ไต้หวันนำเข้าทรายและกรวด 5.67 ล้านตัน ในปี 2020 โดยกว่า 90% เป็นการนำเข้าจากจีน
“สิ่งที่ต้องจับตาคือ รัฐบาลจีนจะขยายการห้ามการค้าในภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคตหรือไม่” หม่า เทียหยิง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ DBS กล่าว
ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน โดยการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบเป็นรายปีสู่ระดับ 328.3 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แม้ว่ารัฐบาลจีนจะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบดังกล่าวได้จากการคว่ำบาตรผู้ส่งออก แต่จีนยังพึ่งพาไต้หวันในการจัดหาเซมิคอนดักเตอร์ด้วย