กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHFG) เผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2565 กำไรจากการดำเนินงานเติบโต 3.4% สินเชื่อเติบโต 8.9% ครึ่งปีหลังของปี 2022 เตรียมรุกตลาดสินเชื่อบุคคล เน้น Digital Transformation รวมถึงเพิ่มฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทจากไต้หวัน
LHFG ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ว่าภาพรวมธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยรวมถึงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จากแนวโน้มที่ดีขึ้นของสถานการณ์ การระบาดของโควิด-19 โดยครึ่งปีแรกกลุ่มฯ มีอัตราเติบโตของสินเชื่อ 8.9% และมีกำไรสุทธิ 745 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลังของปี 2022 นั้น ทาง LHFG ยังคงเน้นในเรื่องของ Digital Transformation รวมถึงการพัฒนา Digital Infrastructure และ Platform เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และสอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้า
ขณะที่กลยุทธ์ของแต่ละหน่วยธุรกิจของ LHFG นั้น ทางด้านธุรกิจธนาคาร ชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) ได้เปิดเผยว่าทางกลุ่มเตรียมที่จะปรับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อของ LH Bank ให้เป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อมและกลุ่มลูกค้าบริษัทในสัดส่วน 50-50 ภายใน 3 ปี จากเดิมที่สัดส่วน 10-90 โดยเธอมองว่าการปรับพอร์ตสินเชื่อจะทำให้ธนาคารมีรายได้ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
โดย LH Bank เตรียมที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้ารายย่อยรวมถึงธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อมมากกว่าเดิมในครึ่งปีหลังของปี 2022 และยังจะจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในการปล่อยสินเชื่อที่เป็น Digital Lending อีกด้วย
สำหรับธุรกิจบริหารจัดการกองทุน มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) ได้เปิดเผยว่าทาง LH Fund ได้เตรียมที่จะออกกองทุนใหม่ๆ เช่น กองทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์นอกตลาด หรือ Private Equity Fund และกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด หรือ Private Real Assets Fund เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
กานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กลยุทธ์ของบริษัทยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าจากการใช้ Big Data การเพิ่มช่องทางบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ตลอดจนนำความเชี่ยวชาญของ CTBC Bank ผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มมาช่วยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ
นอกจากนี้ ฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการของ LHFG ได้เปิดเผยว่าว่าความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวันจะเป็นโอกาสทำให้ผู้ประกอบการไต้หวันนั้นย้ายการผลิตมาที่ไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของกลุ่มฯ และจำนวนลูกค้าไต้หวันกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา