มุมมองจาก บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเศรษฐกิจโลกว่าเงินเฟ้ออาจถึงจุดสูงสุด และลดลงตามลำดับแล้ว สำหรับการลงทุนในหุ้นไทย เขามองว่ากำไรของหุ้นไทยยังไม่โดนปรับลดลง ขณะที่อุตสาหกรรมเช่น ธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว ฯลฯ มีความน่าสนใจ
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้เผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลก รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนในยุคดอกเบี้ยกำลังเพิ่มสูงขึ้น เขาได้กล่าวถึงเศรษฐกิจโลกก่อน โดยมองว่าเศรษฐกิจเอเชียกำลังฟื้นตัวแต่ไม่ร้อนแรงเหมือนกับสหรัฐฯ หรือยุโรป ส่งผลทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งในทวีปเอเชียขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่ายุโรปหรือสหรัฐฯ
ในส่วนของเศรษฐกิจจีน เขามองว่าอาจมีเซอร์ไพรส์ในเรื่องการเติบโตหลังจากนี้ได้ เนื่องจากเขามองว่าจีนจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจและนั่นจะทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนดีกว่าในปัจจุบัน ซึ่งหลายตัวเลขนั้นแย่กว่าคาด
ทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่า สหรัฐอเมริกาจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนกว่าเงินเฟ้อจะหยุดจริงๆ และเขายังมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงเวลานี้จริงๆ เข้าสู่ช่วงถดถอยแล้วด้วยซ้ำ ถ้าหากดูตัวเลขภาคการผลิต แต่ก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่นัก
อีกประเด็นที่เขาชี้คือเงินเฟ้อจะทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 3 และหลังจากนี้โอกาสจะเห็นเงินเฟ้อจะยากมากขึ้น เนื่องจากผลของการดึงสภาพคล่องออกจากระบบของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะเดียวกันดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้าถูกลง รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะมีราคาถูกลงด้วย
ปัจจัยดังกล่าวทำให้เขามองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ น่าจะอยู่ในช่วง 3.25 ถึง 3.5% แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอาจสูงถึง 4% แต่โอกาสนั้นน้อยมาก
ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ย้อนหลังกลับไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาได้ชี้ว่า ราคาน้ำมันไม่ค่อยขยับไปไหนแล้ว และยังค่อนข้างทรงตัว ทางด้านราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเพิ่มมากขึ้น จากความต้องการ และผลของความขัดแย้งหลังรัสเซียบุกยูเครน
ชัยพร ยังชี้ว่าสินค้าโภคภัณฑ์อีกตัวที่ดูว่าเศรษฐกิจโลกเจริญเติบโตหรือไม่คือราคาทองแดง ตอนนี้ราคาปรับลงมาถึง 16% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้เขายังชี้ว่าราคาค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ดูดีมากขึ้น ราคาพีคไปตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว ทุกอย่างดูดีมากขึ้น
ขณะที่เศรษฐกิจไทยนั้น บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2022 นี้จะเติบโต 3.4% เงินเฟ้ออยู่ราวๆ 6% และในปีหน้านั้นเงินเฟ้อของไทยจะลดลง เขาก็ยังมองว่าภาคการท่องเที่ยวนั้นจะกลับมาเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย รายได้ของภาคครัวเรือนตามต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น และถ้าหากท่องเที่ยวดีขึ้น เม็ดเงินจะไหลเข้าสู่ระบบมากขึ้น รวมถึงเงินที่ไหลเข้าประเทศมากขึ้น
เขายังมองว่า กนง. น่าจะขึ้นดอก 1% เนื่องจากดูราคาซื้อขายตราสารหนี้ของประเทศไทยได้สะท้อนในอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปแล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยก็เพิ่มขึ้น แต่เขามองว่าไม่อันตรายต่อเศรษฐกิจไทยเท่าไหร่นัก
ในมุมมองการลงทุน ชัยพร ชี้ว่าเราอาจเห็นภาพรวมของตลาดหุ้นไม่สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ถ้ามองจากอดีตมาถึงตอนนี้ เม็ดเงินที่อยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำๆ เตรียมจะไหลเข้าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่หุ้นไทย กำไรของหุ้นไทยยังไม่ได้โดนปรับลดลง ซึ่งตัวเลขจาก Bloomberg ที่รวบรวมมาจากนักวิเคราะห์นั้นกำไรของหุ้นไทยในปี 2022 อยู่ที่ 98.2 เติบโต 3.4% ขณะที่ปี 2023 อยู่ที่ 107.4 เติบโต 9.4%
กลุ่มอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังของปี 2022 ที่เขามองว่าน่าลงทุนได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มขนส่ง รวมถึงกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และคาดการณ์ว่าเป้าดัชนีหุ้นไทยในปี 2022 จะอยู่ที่ 1,705 จุด ขณะที่ปี 2023 อยู่ที่ 1,800 จุด