เงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดย 1 ดอลลาร์ มีมูลค่าเท่ากับ 140 เยน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998 เนื่องจากญี่ปุ่นยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินที่มีมายาวนาน ตรงกันข้ามกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้มงวดขึ้น
การลดลงอย่างมากของค่าเงินเยนส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากแนวทางที่แตกต่างกันของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นและธนาคารกลางอื่น ๆ รวมถึงเฟด ซึ่งได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามยูเครน โดย David Forrester นักยุทธศาสตร์ FX อาวุโสที่ Credit Agricole CIB ในฮ่องกง คาดว่า มีความเป็นไปได้ที่ รัฐบาลจะเข้าแทรกแซง
“ก่อนหน้านี้ หากคุณดูเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงเพื่อซื้อเงินเยน โดยปกติแล้วจะอยู่ในระดับเหล่านี้”
ฮิโรคาสึ มัตสึโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ และกำลังจับตาดูความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ทาง ฮิโรคาสึ ไม่ได้ให้ข้อบ่งชี้ใด ๆ ว่าจะมีมาตรการพิเศษใด ๆ มารับมือ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจอโรม พาวเวลล์ ประธานของเฟด ประกาศความมุ่งมั่นที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อหลีกเลี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กลับกันผู้กำหนดนโยบายของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นยังยืนกรานที่จะคงดอกเบี้ยเอาไว้ในระดับต่ำ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นต้องเจอกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นสูงสุดในรอบ 7 ปี และราคาสินคุ้ปโภคบริโภคที่ไม่รวมสินค้าสดเพิ่มขึ้น 2.4% เนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ที่ส่งผลต่อดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่น
“อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นไม่เพียงแต่เร่งตัวขึ้นเท่านั้น แต่ยังขยายออกไปมากกว่าแค่อัตราเงินเฟ้อด้านราคาอาหารและพลังงาน บางที BoJ อาจต้องเปลี่ยนจุดยืนเล็กน้อย กระทรวงการคลังอาจต้องเข้าไปแทรกแซง เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อนำเข้าจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง”
แม้ว่าค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงในสินค้านำเข้าจะทำให้สินค้านำเข้าในญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้น แต่เงินเยนที่อ่อนค่าลงยังสามารถเพิ่มผลกำไรของบริษัทญี่ปุ่นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Toyota และ Nintendo ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ ได้ประกาศผ่อนคลายกฎการเข้าประเทศที่เข้มงวด เพื่ออนุญาตให้นักท่องเที่ยวใช้บริการแพ็กเกจทัวร์ แต่ไม่มีไกด์ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกมุมมองของการใช้ประโยชน์จากเงินเยนที่อ่อนค่าลง