“เยอรมนี” เปลี่ยนแผน “ไม่ยกเลิก” ใช้งาน “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” 2 แห่ง จากเดิมวางเป้าปิดตัวภายในสิ้นปี 2022 เพราะจำเป็นต้องเก็บไว้เป็นแผนสำรองหากเกิดวิกฤตก๊าซธรรมชาติ หลังจากรัสเซียลดการส่งก๊าซให้ยุโรป
เยอรมนีประกาศว่าจะเก็บโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไว้ก่อน เตรียมพร้อมเป็นแผนสำรองหากเกิดวิกฤตพลังงานขึ้น ถือเป็นการกลับลำเปลี่ยนนโยบายจากเดิมที่จะทยอยลดการใช้พลังงานนิวเคลียร์ไปจนหมดในช่วงสิ้นปี 2022
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่งนั้น แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบาเดิน เวิร์ทเทอมแบร์ก รัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ และอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในรัฐบาวาเรียทางตะวันออกเฉียงใต้ จากนโยบายล่าสุด รัฐบาลจะเปลี่ยนมาเปิดทำการต่อไปจนถึงกลางเดือนเมษายน 2023
โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า “ประเทศนี้มีความมั่นคงด้านซัพพลายพลังงานไฟฟ้าสูงมาก” แต่ก็กล่าวด้วยว่า “ปีนี้เป็นปีที่พิเศษสำหรับทั่วทั้งยุโรป”
“การที่รัสเซียเข้าโจมตียูเครนได้สร้างสถานการณ์กดดันต่อตลาดพลังงาน และเรากำลังทำทุกทางที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาก๊าซขาดแคลน” ฮาเบคกล่าว
เยอรมนีนั้นพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียคิดเป็น 35% ของการนำเข้าเชื้อเพลิงทั้งหมดของประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเยอรมนีกำลังเผชิญแนวโน้มการขาดแคลนพลังงานในฤดูหนาว หากรัสเซียจะปิดท่อส่งก๊าซมายังเยอรมนี
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีสถานการณ์วิกฤตหรือกรณีรุนแรงสุดขั้ว” ฮาเบคกล่าว “แต่ในฐานะรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบด้านความมั่นคงของซัพพลายพลังงาน ผมจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อรับประกันความมั่นคงนั้นไว้”
- ‘เยอรมนี’–‘เดนมาร์ก’ ทุ่ม 9 พันล้านลงทุน ‘ไฟฟ้าพลังงานลม’ แทนการนำเข้าก๊าซ ‘รัสเซีย’
- “รัสเซีย” รอดพ้นภาวะเศรษฐกิจโคม่ามาได้ …แต่เลือดก็ยังไม่หยุดไหลในระยะยาว
ฮาเบคเสริมด้วยว่า เยอรมนีจะยังค่อยๆ ลดการใช้พลังงานนิวเคลียร์ต่อไป โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งสองแห่งนั้นจะถูกใช้งานก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น
กระแสการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเยอรมนีเกิดขึ้นขนานใหญ่ หลังจากเกิดกรณีหายนะโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2011 เป็นประเด็นที่ทำให้กระแสปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จุดติดในประเทศ หลังจากกลุ่มต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์เรียกร้องกันมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970s แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความไม่แน่นอนเรื่องวิกฤตพลังงาน แม้แต่พรรคกรีนซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาตั้งแต่ต้นก็ยังต้องคิดใหม่ โดยฮาเบคนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคกรีนด้วย
“เราต้องเตรียมตัวรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด” ฮาเบคกล่าว “โรงไฟฟ้านั้นจะเปิดทำการก็ต่อเมื่อเราจำเป็นต้องมีพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเท่านั้น”