ผู้บริหาร TikTok ในสหรัฐฯ แห่ลาออก การแยกบริษัทไม่มีผล “จีน” ยังควบคุมการตัดสินใจทั้งหมด

Photo : Shutterstock
ผู้บริหารอาวุโสของ TikTok สหรัฐฯ ทยอยลาออกไปอย่างน้อย 5 คนในรอบ 2 ปี หลังจากพบว่าตนเอง “ไม่มีอำนาจตัดสินใจ” ฝ่ายบริหาร ByteDance จาก “จีน” ยังคงควบคุมการดำเนินงานทั้งหมด สะท้อนภาพว่าการที่สหรัฐฯ พยายามบังคับให้แอปฯ นี้แยกการบริหารเด็ดขาดจากจีนนั้นไม่มีผลจริง

สำนักข่าว Forbes สหรัฐฯ รายงานพิเศษสัมภาษณ์แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน 3 ราย โดยพวกเขา/เธอเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงใน TikTok สหรัฐฯ แต่ลาออกมาเพราะพบว่า ByteDance บริษัทแม่ในจีนยังคงควบคุมทิศทางการทำงานทุกอย่าง วิธีบริหารนี้เกิดขึ้นกับทุกแผนก จนทำให้ผู้บริหารอาวุโสพากันลาออก เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ตัดสินใจใดๆ

“พวกเขาแค่ต้องการเบี้ยตัวหนึ่ง หรือคนที่ตอบ ‘ได้ครับ/ค่ะ’ อยู่ตลอด เขาแค่อยากได้คนเดินเอกสาร แค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งในระบบ ซึ่งนั่นไม่ใช่ตัวผม/ฉันเลย” หนึ่งในอดีตระดับหัวหน้าที่ TikTok สหรัฐฯ กล่าว

ทำไมการลาออกของผู้บริหาร TikTok สหรัฐฯ จึงสำคัญ? ย้อนกลับไปในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยมีคำขู่จะ “แบน” แอปพลิเคชัน TikTok ออกจากตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากเกรงว่าแอปฯ นี้จะเป็นภัยความมั่นคง มีการส่งข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าอเมริกันกลับไปที่จีน

ทำให้ในปี 2019 บริษัทต้องออกมาชี้แจงว่า บริษัทไม่ได้มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันไว้ในประเทศจีน

บริษัทยังเริ่มเปิดโปรเจกต์ Project Texas มีวัตถุประสงค์เพื่อจะแยกการดำเนินงานของ TikTok สหรัฐฯ ออกจากบริษัทแม่ ByteDance ที่จีน เพื่อจะทำให้รัฐสภาของสหรัฐฯ มั่นใจว่ารัฐบาลจีนไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของคนอเมริกัน

ByteDance
ก่อนหน้านี้บริษัทแม่ที่จีนทำเหมือนกับให้ TikTok สหรัฐฯ ได้บริหารแยกเป็นอิสระแล้ว แต่มาพบในภายหลังว่า ByteDance ยังคงควบคุมเบ็ดเสร็จ (Photo: Shutterstock)

แต่สุดท้ายความก็แตกในช่วงต้นปี 2022 เมื่อสำนักข่าว BuzzFeed News ออกรายงานว่า แม้ว่าสถานที่เก็บข้อมูลของ TikTok สหรัฐฯ จะไม่อยู่ในจีน แต่พนักงาน ByteDance จากจีนก็เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้อเมริกันได้อยู่ดีและมีการเข้าถึงเป็นประจำด้วย ข้อมูลนี้ต่อมาได้รับการยืนยันเป็นจดหมายจากตัวบริษัทส่งถึงวุฒิสภา

รวมถึงพนักงานคนในของบริษัทก็ยืนยันตรงกันว่า แม้ภายนอก TikTok จะทำเหมือนลดความสัมพันธ์กับบริษัทแม่ที่จีน แต่จริงๆ แล้วภายในก็ยังบริหารเสมือนเป็นบริษัทเดียวกันด้วยซ้ำ

ย้อนไปเมื่อเดือนกันยายน 2021 พนักงานตรวจสอบภายในจาก ByteDance ยังเคยให้คำแนะนำกับทีมงานที่สหรัฐฯ ว่า ควรจะสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างทีมอเมริกันกับจีน เพราะอย่างไรทางจีนก็เป็นผู้ควบคุมเครื่องมือในการทำงานของ TikTok สหรัฐฯ อยู่ดี หากไม่มีความร่วมมือกัน การทำงานให้สำเร็จก็จะยากขึ้น

 

สหรัฐฯ กลับมาเข้มกับการควบคุม TikTok

หลังจากรายงานดังกล่าว สหรัฐฯ มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน 2022 คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) กลับมาร้องขอให้ Apple และ Google ลบแอปฯ TikTok ออกจากแอปสโตร์อีกครั้ง

หน่วยงานสืบสวนของวุฒิสภาเริ่มเปิดการสืบสวนว่า TikTok บิดเบือนข้อมูลที่ให้แก่รัฐสภาสหรัฐฯ หรือไม่ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็ออกคำสั่งผู้บริหารให้คณะกรรมการกำกับการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ดูแลความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์และการเก็บข้อมูลคนอเมริกันของ TikTok ให้รัดกุมยิ่งขึ้น

สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกัน 5 รายยังเข้าชื่อกันเสนอกฎหมายที่จะทำให้การที่พนักงาน TikTok จากจีนเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้อเมริกันได้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย รวมถึงจะแบนการดาวน์โหลดแอปฯ นี้ลงบนอุปกรณ์ใดๆ ของรัฐบาล

ดัสตี้ จอห์นสัน ส.ส.จากรัฐเซาท์ดาโกตา หนึ่งในคนที่เสนอกฎหมายดังกล่าว หวังว่า หากรัฐบาลแบนการใช้ TikTok บนเครื่องมือของรัฐ น่าจะทำให้คนอเมริกันตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

การที่ผู้บริหารระดับอาวุโส TikTok สหรัฐฯ พากันลาออกเพราะ “ไม่มีอำนาจตัดสินใจ” จึงสะท้อนว่า ความพยายามที่จะแยกการบริหารออกจากกัน ไม่ให้จีนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการที่ดำเนินอยู่ในสหรัฐฯ นั้น เป็นการกระทำที่ไม่ได้ผล

Source