Hightlight
- Tops CLUB ห้างค้าปลีกโมเดลระบบสมาชิกเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล พระราม 2 เน้นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ขายปลีก
- ที่นี่จะต้องเป็นสมาชิกถึงจะซื้อสินค้าได้ มีสมาชิกแบบทั่วไป และสมาชิกแบบพรีเมียม มีค่าสมัครที่ 799 บาท/ปี
รู้จัก Membership Store
เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วสำหรับ Tops CLUB ห้างค้าปลีกรูปแบบใหม่ในเครือ CRC เป็นรูปแบบ “เมมเบอร์ชิปสโตร์” หรือระบบสมาชิก หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันจะแตกต่างจากห้างอื่นๆ อย่างไร
ใครที่เคยไปต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาอาจจะคุ้นเคยกับ Costco กันมาบ้าง เป็นห้างค้าส่งรายใหญ่ของสหรัฐฯ คนไทยหลายคนจะเรียกกันว่า “แมคโครของชาวอเมริกัน” จุดเด่นก็คือ ขายสินค้าราคาถูก และต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นถึงจะซื้อของได้
แต่ก่อนแมคโครในบ้านเราก็เคยใช้ระบบนี้ ต้องสมัครสมาชิก่อนถึงจะซื้อของได้ อีกทั้งยังจ่ายได้แต่เงินสด แต่ว่าตอนนี้ได้ยกเลิกระบบสมาชิกไปแล้ว ใช้เป็นในเรื่องสิทธิพิเศษอื่นๆ แทน คนทั่วไปสามารถซื้อของได้ เปิดโอกาสให้ลูกค้าขาจรซื้อของได้มากขึ้นนั่นเอง
ห้างค้าปลีกแบบ Membership Store ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา ในเอเชียเริ่มมีการเติบโตที่ประเทศจีน และเกาหลีมากขึ้น เริ่มมีผู้เล่นหลายราย หนึ่งในความน่าสนใจของค้าปลีกกลุ่มนี้ก็คือ แม้ในช่วงวิกฤต COVID-19 ก็ไม่สะเทือนร้านค้ากลุ่มนี้ นั่นเพราะว่าจุดยืนด้วยราคาสินค้า รวมไปถึงสินค้าแตกต่างจากที่อื่น ส่วนตัวห้างเองก็การันตีได้ด้วยลอยัลตี้ของลูกค้าที่สมัครสมาชิก
ดัน Tops CLUB เมมเบอร์ชิปสโตร์สัญชาติไทย
หลังจากที่มีกระแสการเปิดตัวของ Tops CLUB ในไทย พร้อมกับคอนเซ็ปต์ด้วยการเน้นสินค้านำเข้า ดูเหมือนขาช้อปชาวไทยก็ให้ความสนใจไม่น้อย ผู้พัฒนาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดค้าปลีกอย่าง “เซ็นทรัล รีเทล คอร์เปอเรชั่น” หรือ CRC
งานนี้ CRC ไม่ได้นำเข้าแบรนด์อื่นเข้ามา แต่เปิดแบรนด์ใหม่เองในชื่อ Tops CLUB อยู่ในตระกูลท็อปส์ เน้นในส่วนของความเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต สินค้าอุปโภคบริโภค สาขาแรกตั้งอยู่ด้านหลังเซ็นทรัลพระราม 2 บนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร
CRC ใช้เวลาในการพัฒนาโมเดลนี้ 2 ปี เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และดูว่าผู้บริโภคมีความพร้อม ความเข้าใจกับโมเดล Membership หรือไม่ ก่อนหน้านี้ได้เปิด Pop-up Store แบบชั่วคราวก่อน 4 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เมกา บางนา และ เซ็นทรัล เวิลด์
จนได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ภายในสโตร์มีสินค้ากว่า 3,500 รายการ ในหลายหมวดหมู่ ได้แก่ อาหารสด, อาหารแห้ง, ขนม-เบเกอรี่, สินค้าเครื่องครัว, ของใช้ภายในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์กลางแจ้ง, ของเล่น, อุปกรณ์กีฬา, อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง, เครื่องดื่ม และ ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เหตุผลที่ทาง CRC เลือกปักหมุดที่ย่านพระราม 2 เป็นสาขาแรก เหตุผลแรกปฏิเสธไม่ได้ว่าสโตร์ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงต้องอยู่ทำเลชานเมือง อีกทั้งทาง CRC เองก็มีดาต้าของผู้บริโภคในโซนพระราม 2 ว่ามีกำลังซื้อสูง เนื่องจากเมืองขยายมากขึ้น มีหมู่บ้านใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะ
Tops CLUB ออกแบบในคอนเซ็ปต์ Warehouse Style หรือแนวโกดังสินค้า จริงๆ แล้วคนไทยอาจจะถูกจริตกับสไตล์นี้ก็ได้ เห็นได้จากการถ่ายรูปที่ IKEA ที่นี่แบ่งเป็น 3 โซน มีการจัดเรียงแบบใหม่ที่อาจจะไม่เหมือนกับห้างค้าปลีกทั่วไป พร้อมจุดชิมอาหารทั่วสโตร์กว่า 40 จุด
โซนที่ 1 Kid’s Paradise ของเล่นเด็ก มีไฮไลต์อยู่ที่ตุ๊กตาหมีสูงกว่า 3 เมตร ราคา 7,999 บาท, แพยางยูนิคอร์น-ฟลามิงโก้ไซส์ยักษ์ เก้าอี้เกมมิ่งดีไซน์สุดคิ้วท์ ที่สามารถทดลองเล่นเกมส์ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ สินค้าอุปกรณ์กลางแจ้งแบรนด์ยอดฮิตทั้งเต็นท์ เก้าอี้สนามขนาดใหญ่พิเศษ ชุดเตา-อุปกรณ์ย่างบาร์บีคิว จากแบรนด์สินค้าชื่อดังจากจากต่างประเทศ ได้แก่ Ozark Trail, Expert Grill, Lifetime เครื่องครัวคุณภาพ Mainstays แบรนด์ยอดนิยมจากอเมริกา สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ของใช้ภายในบ้าน และเครื่องครัว อุปกรณ์รถยนต์จากเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดัง KIRKLAND ที่นิยมในอเมริกา และ BESST รวมถึงยังมีอุปกรณ์กีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำ และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย
โซนที่ 2 โซนอาหารที่เป็นห้องเย็นขนาดใหญ่ มีตู้ Chilled และ Frozen รวมสินค้านำเข้าทั้งผัก-ผลไม้สด ช็อกโกแลต ไอศกรีมแบรนด์ชื่อดังจากนิวซีแลนด์ มีทบอล เนื้อบดเกรดนำเข้า ถั่วรวมหลากชนิด พิสตาชิโอ จัดเต็มกับสินค้ากลุ่มขนม ทั้งมันฝรั่งทอดกรอบ แคปหมูปรุงรส ผัก ผลไม้อบกรอบ จากออสเตรเลีย เครื่องดื่ม ชา-กาแฟ เครื่องปรุง จากยุโรป อเมริกา และเอเชีย อีกทั้งยังมีโซนคอฟฟี่บาร์ ให้บริการจัดชิมชา และกาแฟ
โซนที่ 3 กลุ่มอาหารสด เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ที่นำเข้ามาจากยุโรป และอเมริกา ทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะ แซลมอน หอยนางรม หอยเชลล์ ล็อบสเตอร์ โซนสินค้าเครื่องดื่ม และไวน์ ยังมีโซน Cooking Show มีทีมเชฟชื่อดังมาปรุงอาหาร มี CLUB Café คาเฟ่ที่มีเมนูสุดพิเศษ ฮอตดอก, พิซซ่า, พายไก่อบ ฯลฯ พร้อมที่นั่งทานในร้าน หรือจะซื้อกลับบ้าน
สินค้า ราคา ทำให้ลูกค้ายอมจ่าย
ถ้าไม่นับแมคโครที่เคยใช้โมเดล Membership Store ก็ต้องยอมรับว่า Tops CLUB เป็นอีกหนึ่งห้างค้าปลีกโมเดลใหม่ ที่จะใช้ระบบสมาชิก เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยไม่น้อย ในกรณีของแมคโครเป็นการขายส่ง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นร้านโชห่วย ร้านอาหาร โรงแรมต่างๆ เป็นลูกค้าประจำอยู่แล้ว การเป็นสมาชิกจึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่สำหรับ Tops CLUB เป็นการขายปลีก อีกทั้งตอนนี้ยังมีแค่ 1 สาขา และทำเลยังออกนอกเมืองอีกด้วย จึงเป็นความท้าทายอย่างมากในการที่ทำให้ผู้บริโภคยอมสมัครสมาชิก บวกกับคนไทยที่อินเทรนด์แค่ชั่วคราว การให้ลูกค้ามาซื้อประจำจึงเป็นการบ้านสำคัญ
Tops CLUB มีสมาชิก 2 รูปแบบ ได้แก่ สมาชิกทั่วไป (Basic Member) สมัครได้ฟรี และสมาชิกระดับพรีเมียม (Premium Member) ค่าสมาชิกพิเศษเพียง 799 บาท/ปี เป็นราคาโปรโมชันถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 จากราคาปกติ 999 บาท/ปี
สมาชิกระดับพรีเมียมจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น รับส่วนลด 5% โดยสินค้าในสโตร์จะมี 2 ราคา ราคาสมาชิกทั่วไป และสมาชิกพรีเมียม ถ้าใครอยากได้ราคาที่ถูกลงก็ต้องสมัครแบบพรีเมียม พร้อมกับมีบริการส่งสินค้าฟรีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่มีขั้นต่ำ เมื่อซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Tops CLUB ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
แต่เชื่อว่าทาง CRC ได้ทำการบ้านมาอย่างดี มองเห็นแล้วว่าคนไทยพร้อมเปิดรับกับโมเดลใหม่นี้ ในประเด็นนี้ จิตรลดา ณ เชียงใหม่ ผู้จัดการทั่วไปของ Tops CLUB ได้เล่าให้ฟังว่า สิ่งที่ทำให้ลูกค้าชื่นชอบ Tops CLUB ก็คือ สินค้า และราคา เป็นสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีความแตกต่างจากที่อื่น ไม่ต้องบินไปซื้อเอง และราคาที่จับต้องได้
สินค้าส่วนใหญ่ 70% เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อิตาลี และ สเปน สินค้าบางตัวจะมีขายแพ็กไซส์ใหญ่ ไม่เคยมีขายที่ไหน
“โมเดลสมาชิกจะเกิดขึ้นได้พื้นฐานสินค้าต้องดี ราคาดี ทำให้เกิดการซื้อซ้ำ ตอนที่ได้ทดลองตลาดด้วย Pop-up Store ก็พบผลตอบรับจากลูกค้าว่ายังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสมัครสมาชิกถึงจะซื้อของได้ แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้ายอมสมัครก็คือ สินค้า ทำให้เห็นความต่างชัดเจน ส่วนราคาที่นี่ไม่ได้ถึงกับถูกที่สุด แต่มีความคุ้มค่า บางอย่างราคาเท่ากับต่างประเทศ บวกกับปัจจัยอื่นๆ อย่างรูปแบบร้านเป็นแบบโกดังทำให้เดินสนุก สินค้าบางอย่างหมดแล้วหมดเลย ทำให้ลูกค้าอยากมามากขึ้น”
หลังจากที่ทดลองเปิด Pop-up Store ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าที่สมัครสมาชิกแล้วกว่า 12,000 ราย โดยสมาชิกระดับพรีเมียมส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
การเปิด Tops CLUB ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนึ่งโมเดลที่มีเติมพอร์ตให้ท็อปส์สมบูรณ์มากขึ้น เพราะในช่วงหลังมานี้ CRC พยายามดันท็อปส์ให้มีหลากหลายโมเดล ทั้งศูนย์การค้า สแตนด์อโลน รวมไปถึงไซส์ขนาดเล็ก เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม
แม้ Tops CLUB จะเป็นโมเดลที่แปลกใหม่ในไทย แต่ก็เชื่อว่าจะสร้างสีสันในตลาดค้าปลีกได้อย่างดี และเกิดการทดลองใช้ เพื่อนำไปสู่การเป็นลูกค้าประจำได้ ความท้าทายทายใหญ่ก็คือ การขยายสาขา เพราะผู้บริโภคยังคงมองว่าโมเดลสมาชิกจะคุ้มค่าได้ก็ต่อเมื่อสามารถใช้บริการได้หลายสาขา การที่ตอนนี้มีอยู่สาขาเดียว อาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้าที่อยู่นอกทำเลพระราม 2 เท่าไหร่นัก