โจ ไบเดน เตรียมพิจารณาความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย หลังลดกำลังการผลิตน้ำมัน

ภาพจาก Shutterstock

เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ได้กล่าวกับ CNN ว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมร่วมมือกับสภาคองเกรสในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอย่าง OPEC ได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจ

John Kirby เจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ของคณะมนตรีความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมร่วมมือกับสภาคองเกรสในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลกได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน

เขาได้กล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียจะต้องมีการพิจารณาความสัมพันธ์นี้อีกครั้ง และเขาเชื่อว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการายนี้กำลังทำงานร่วมกับสภาคองเกรสในเรื่องดังกล่าวอยู่

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ตามหลังมาจาก Bob Menendez ประธานการต่างประเทศวุฒิสภา ได้แสดงความคิดเห็นว่าสหรัฐฯ ควรที่จะหยุดความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ยังควรที่จะชะลอความสัมพันธ์หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงตามมติการประชุมของ OPEC

นอกจากนี้ยังรวมถึง Dick Durbin วุฒิสภาของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการที่จะเห็นรัสเซียเป็นผู้ชนะจากสงครามนี้ และเขายังกล่าวกับ CNN ว่า รัสเซียและซาอุดีอาระเบียรวมหัวกันที่จะต่อต้านสหรัฐฯ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังมองว่าหลังจากนี้สหรัฐฯ จะสามารถไว้ใจพันธมิตรอย่างซาอุดีอาระเบียได้อย่างไร

OPEC ได้ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกวันละ 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น และสร้างผลกระทบทำให้ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งผู้นำหลายประเทศเองได้ส่งสัญญาณอยากให้กลุ่มประเทศส่งออกน้ำมันนั้นชะลอการปรับลดการผลิต เพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ

ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์อันดีไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง อย่างไรก็ดี จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการฆ่านักข่าวชาวซาอุฯ อย่าง จามาล คาช็อกกี ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศก็เริ่มเลวร้ายลงมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงกรณีที่ OPEC ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งสวนทางกับความต้องการของทั่วโลก