ตลาด ‘กลัว’ หรือ ‘โลภ’ ดูยังไง… Fear & Greed Index มีคำตอบ

โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

“จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว” – Warren Buffett
ประโยคนี้นักลงทุนทั่วโลกฟังจนชินหูเพราะเป็นคำแนะนำอันแสนเรียบง่ายของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่อย่างปู่ Warren Buffett นั่นเองจนทุกคนจำกันได้ขึ้นใจ

ประโยคนี้สามารถสรุปได้ง่ายๆ 2 ข้อด้วยกันครับคือ

เมื่อตลาดหุ้นขึ้นจะทำให้นักลงทุนเกิดความโลภไล่ราคาหุ้นกันอย่างบ้าระห่ำดันให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อเวลานี้นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าส่วนใหญ่จะ ‘ซุ่มดูอย่างห่างๆ’

เมื่อตลาดหุ้นตกจะทำให้นักลงทุนเกิดความกลัวจนเทขายหนักแทบหมดหน้าตักฉุดให้ราคาหุ้นตกจนต่ำสุดๆ เวลานี้นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะ ‘เข้าไปช้อปปิ้งอย่างเริงร่า’

หากคุณมีประสบการณ์ในการลงทุนอยู่บ้างการจะสังเกตว่าช่วงไหนที่ตลาดหุ้นกำลังโลภ หรือกำลังกลัวอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่คงกำลังมึนๆ งงๆ จนปล่อยอารมณ์ไปตามตลาดก็มี

การสังเกตอารมณ์ตลาดเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเหมือนกัน เพราะอารมณ์ตลาดก็เหมือนอารมณ์มนุษย์ มันลึกล้ำเกินจะหยั่งถึง คงจะดีถ้าหากมีเครื่องมือที่ช่วยบอกว่าอารมณ์ตลาดตอนนี้เป็นยังไง

Photo : Shutterstock

และวันนี้เราขอแนะนำให้คุณรู้จัก Fear & Greed Index หรือ ‘ดัชนีความกลัวและความโลภ’ ที่จะช่วยบอกอารมณ์ของตลาดหุ้นโดยคุณเข้าไปดูดัชนีตัวนี้ได้ที่นี่ครับ jitta.co/3LGSc2I

ต่อไปนี้การจะลงทุนในช่วงที่คนอื่นกลัวก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป แต่ Fear & Greed Index คืออะไรเราไปดูกันครับ

ใครสร้าง Fear & Greed Index?

ดัชนี Fear & Greed Index ถูกสร้างขึ้นโดยสำนักข่าว CNN ที่มองเห็นว่าสองอารมณ์นี้มีผลต่อ ‘ราคาหุ้น’ อย่างชัดเจน โดยดัชนีความกลัวและความโลภจะวัดค่าทุกวันเมื่อมีข้อมูลใหม่เกิดขึ้น

อย่างที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นดัชนีความกลัวและความโลภจะบอกภาพรวมตลาดหุ้นในตอนนี้มีราคาที่น่าเข้าลงทุนหรือไม่จำเอาไว้ว่าความกลัวทำให้หุ้นถูกและความโลภทำให้หุ้นแพง

Fear & Greed Index จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยประกอบการตัดสินใจลงทุนที่คุณควรรู้ไว้เพราะมันมีประโยชน์อย่างมากต่อการลงทุนของคุณนั่นเองครับ

Fear & Greed Index วัดจากอะไร?

การวัดค่าความกลัวและความโลภปกติแล้วนักลงทุนทั่วไปจะดูจากแนวโน้มตลาดในช่วงนั้นคร่าวๆ แต่การสร้างดัชนีตัวนี้มีหลายปัจจัยมากกว่านั้นเพื่อให้สามารถคำนวณ ‘อารมณ์’ ได้อย่างแม่นยำครับ

Photo : Shutterstock

และนี่คือ 7 ปัจจัยสำคัญที่สะท้อนอารมณ์ของนักลงทุนโดยรวมในแต่ละช่วงประกอบไปด้วย

  1. การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น

วัดจากดัชนี S&P 500 เทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 125 วัน

  1. ความแข็งแรงของราคาหุ้น

วัดจำนวนหุ้นที่ราคาทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์เทียบกับหุ้นที่ราคาแตะจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์จากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)

  1. ความกว้างของราคาหุ้น

วัดจาก ‘ปริมาณซื้อขาย’ ของหุ้นที่ปรับตัวขึ้นและหุ้นที่ปรับตัวลง

  1. จำนวน Put Option และ Call Option

วัดจากจำนวนการซื้อ Put Option และ Call Option ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

โดยหากจำนวนการซื้อ Put Option สูงกว่า Call Option แปลว่าตลาดกำลังกลัวแต่หากจำนวนการซื้อ Call Option สูงกว่า Put Option แปลว่าตลาดกำลังโลภ

  1. ความต้องการตราสารหนี้เกรดต่ำหรือ ‘Junk Bond’

ใช้วัดความต้องการลงทุน ‘สินทรัพย์เสี่ยง’ โดยวัดจากส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของ ‘ตราสารหนี้ชั้นดี’ และ ‘ตราสารหนี้เกรด Junk Bond’

  1. ความผันผวนของตลาด

วัดค่าจากดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) โดยมุ่งเน้นไปที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันของดัชนี VIX เป็นหลัก

  1. ความต้องการสินทรัพย์ที่เป็นหลุมหลบภัย SafeHaven

วัดความแตกต่างผลตอบแทนระหว่าง ‘หุ้น’ และ ‘พันธบัตรรัฐบาล’

ทั้ง 7 ปัจจัยย่อยๆนี้จะถูกคำนวณออกมาเป็นตัวเลขตั้งแต่ 0-100 หลังจากนั้นจะถูกนำมาคำนวณเป็นดัชนี Fear & Greed Index รวมที่มีค่า 0-100 อีกทีซึ่งเราจะสามารถแบ่งอารมณ์ของตลาดออกมาได้ 5 ระดับครับ

  • Extreme Fear กลัวสุดขีด
  • Fear กลัว
  • Neutral เป็นกลาง
  • Greed โลภ
  • Extreme Greed โลภสุดขีด

เพียงเท่านี้คุณก็รู้อารมณ์ของตลาดได้ที่เหลือก็แค่ลงทุนในช่วงที่ตลาดกำลังกลัวหรือกลัวสุดขีดตามที่ปู่ Buffett แนะนำแล้วครับ

Photo : Shutterstock

แต่ต้องบอกว่าดัชนี Fear & Greed Index ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกันครับ เนื่องจากปัจจัยทั้งหมดจะวัดจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ทำให้ดัชนีนี้ไม่สามารถบอกอารมณ์ของตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ได้ชัดเจนแบบ 100%

แต่อย่างที่เรารู้กันว่าสหรัฐฯเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกเมื่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนตลาดหุ้นอีกหลายประเทศก็จะผันผวนตามทำให้ Fear & Greed Index ช่วยบอกความกลัวและความโลภตลาดอื่นแบบคร่าวๆ ได้

จริงๆ เครื่องมือ Fear & Greed Index เหมาะจะใช้คู่กับทฤษฎี Mr. Market ที่ปรมาจารย์ Benjamin Graham คอยย้ำเตือนอยู่เสมอครับ

โดยเขาบอกว่า Mr. Market จะทำตัวไร้เหตุผลอยู่เสมอและเอาหุ้นมาขายให้คุณหลากหลายราคา คุณต้องหาทางซื้อหุ้นราคาถูกให้ได้ แต่จงจำไว้เสมอคุณอย่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ Mr. Market เด็ดขาด

หากคุณอยากฟังรายละเอียดเกี่ยวกับ Mr. Market อย่างละเอียดไปฟังได้ในพอดคาสต์นี้เลยครับ https://youtu.be/CQ463QNCjVQ

คุณคงจะเห็นว่าอารมณ์ส่งผลต่อการลงทุนขนาดไหนหากคุณต้องการลงทุนโดยตัดอคติออกไปโดยสิ้นเชิง Jitta Wealth ช่วยคุณได้เข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ jittawealth.com/

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนกำลังกลัวสุดขีดจากความผันผวนที่เกิดขึ้นกับตลาด แต่สำหรับผู้มีสายตาเฉียบแหลมจะมองเห็นโอกาสลงทุน ไม่แน่ว่าเวลาที่คุณควรกล้าลงทุนอาจจะอยู่ใกล้หรือมาถึงแล้วก็เป็นได้