การแข่งขันของกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทุกวันนี้ คำว่า กรีน กลายเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางการตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งเข้ากระแสและได้ประโยชน์ แต่ความหมายของกรีนในตลาดไทย ไม่ได้หมายถึงผลลัพธ์ต่อสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่ออกแนวเน้นไปเรื่องการประหยัดเสียมากกว่า โดยเฉพาะการประหยัดเงินในกระเป๋าผู้บริโภคจากการซื้อสินค้านั้นๆ ไปใช้งาน
แต่ข้อดีที่เกิดกับผู้ผลิต นอกจากช่วยรักษาระดับการเติบโตของตลาด ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าการขายสินค้าด้วย เมื่อนำเรื่องกรีนมาบวกเข้ากับเรื่อง Clean
“กรีนสำหรับแอลจี พิจารณาได้จาก 3 เรื่อง หนึ่ง-ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคในแง่ของการประหยัดพลังงาน สอง-ยกระดับเรื่องการรักษาสุขภาพ หรือเป็น Clean ด้วย และสาม-ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าสินค้าตัวนี้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม” ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เขาบอกด้วยว่า นับจากแอลจีมีการผลักดันสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Green Health Plus มาตั้งแต่ปี 2552 บริษัทสามารถทำตลาดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้เติบโตตามเป้าหมายได้ทุกปี โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของกลุ่มสินค้ากรีน รวมทั้งบริษัทเองก็ทุ่มงบการตลาดโดยให้น้ำหนักไปที่กลุ่มสินค้ากรีนเป็นสำคัญด้วยเช่นกัน
โดยปีที่แล้วงบการตลาด 1,400 ล้าน เป็นงบสำหรับกรีนเฮลธ์พลัสโปรดักต์ 400 ล้านบาท ปี 2554 นี้ บริษัทมีงบการตลาดประมาณ 1,500 ล้านบาท แต่แบ่งเป็นงบสำหรับสินค้ากลุ่มกรีนฯถึง 640 ล้านบาท
อลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ข้อดีของสินค้ากลุ่มกรีนโดยเฉพาะที่เป็นกรีนบวกคลีน จะเท่ากับเป็นสินค้าระดับบนของตลาด ซึ่งผู้บริโภคยอมจ่ายด้วยคุณสมบัติที่เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของตัวเองดีขึ้น ดังนั้นสินค้าในกลุ่มนี้จึงมีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปในกลุ่มเดียวกันประมาณ 10%
นั่นเท่ากับส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในภาพรวมด้วย
แอลจีกำหนดวิชั่น 2020 ซึ่งเป็นนโยบายจากสำนักงานใหญ่ที่ต้องการพัฒนาบริษัทให้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบแทนสู่สังคม แต่ในขณะเดียวกันก็แอลจีก็ย้ำว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะให้น้ำหนักกับผลิตภัณฑ์กรีนมากเพียงใด แต่ในกลุ่มเครื่องในไฟฟ้าก็จะยังคงมีผลิตภัณฑ์บางส่วนที่เป็นมาตรฐานทั่วไปอยู่เช่นเดิม
“เพราะเรายังมีส่วนที่ต้องตอบสนองตลาดที่เป็นแมส และคงตอบไม่ได้ว่าเมื่อไรตลาดจะเป็นกรีน 100% ส่วนตอนนี้ในภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มกรีนประมาณ 30-40% ของตลาดเท่านั้น ขณะที่ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าปีหนึ่งเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15% แต่การมีผลิตภัณฑ์กรีนทำให้แอลจีเติบโตสูงกว่าตลาดโดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 20%”
ปัจจุบันมูลค่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (รวมแอร์) มีมูลค่าประมาณ 43,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แอลจีมีรายได้รวมจากสินค้ากลุ่มนี้ 9,400 ล้านบาท สัดส่วนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ของแอลจีคาดว่าจะมาจากกลุ่มสินค้ากรีนถึง 60% ซึ่งเพียงครึ่งปีแรกก็มีอัตราเติบโตของตลาดในกลุ่มนี้ไปแล้ว 50% โดยมีผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าเป็นตัวนำ ตามมาด้วยตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ
กลุ่มสินค้ากรีนที่ได้รับการตอบรับดีจากตลาด ส่วนมากจะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานสูง หลังจากแอลจีมีการพัฒนาระบบอินเวอร์เตอร์ซึ่งช่วยประหยัดไฟในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำให้สินค้ากลุ่มกรีนเป็นที่ยอมรับของตลาดอย่างรวดเร็ว บวกกับการที่แอลจีทำตลาดอย่างจริงจังโดยเริ่มตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างนวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงานและสุขภาพของมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
| LG Green Health Plus | |
| Positioning | เป็นสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่มีผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต |
| จุดเด่น |
ใช้นวัตกรรมที่มีในแต่ละผลิตภัณฑ์เป็นตัวสร้างความแตกต่าง และแสดงความเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตกรีนโปรดักต์ที่เริ่มต้นเป็นแบรนด์แรกๆ |
|
|
