EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 เป็น 3.2% จากแรงส่งของการท่องเที่ยว รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง แต่ได้ปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2566 เหลือ 3.4% จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวภายใต้ความไม่แน่นอนสูง ซึ่งกระทบการส่งออกและการลงทุนไทย
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Economic Intelligence Center (EIC)
และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงเศรษฐกิจโลกได้ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน และมีโอกาสที่เศรษฐกิจถดถอยสูงมาก
เขากล่าวว่าข้อมูลล่าสุดโอกาสที่เศรษฐกิจถดถอยในอังกฤษ 90% ยุโรป 80% นอกจากนี้ความไม่แน่นอนในโลกก็สูง โดยข้อมูลจากดัชนี World Uncertainty เพิ่มสูงมากในช่วงที่ผ่านมา โดยความไม่แน่นอนมาจากหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็น จีนมีปัญหาจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ สหรัฐฯ มีปัญหาจากธนาคารกลางที่ขึ้นดอกเบี้ยไว ยุโรปมีปัญหาจากเรื่องพลังงาน เป็นต้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EIC ยังมองว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเรื่องหนึ่ง อาจส่งปัญหาไปยังอีกประเทศหนึ่งได้
สมประวิณยังได้กล่าวว่า เขากังวลใจกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก เนื่องสัญญาณเศรษฐกิจในอนาคตมีโอกาสที่จะถดถอยสูง ตำแหน่งจ้างงานเริ่มเปิดน้อยลง ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปน่าจะเกิดภาวะถดถอยปลายปีนี้ ทางด้านของเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจถดถอยไม่หนักมาก
ไม่เพียงเท่านี้มุมมองของผู้บริหารสูงสุดของ EIC ยังมองว่าหลายธนาคารกลางทั่วโลกหลายแห่งเริ่มพยายามที่จะลดเงินเฟ้อลงมาโดยยอมที่จะแลกกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมองว่าข้อจำกัดในการทำนโยบายการเงินนั้นเพิ่มมากขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายอาจค้างอยู่ได้นาน เนื่องจากเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลง ขณะที่นโยบายการคลังนั้นได้กระตุ้นไปมากแล้วในช่วงโควิด และใช้เงินไปมหาศาล ทำให้มีข้อจำกัดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทางด้านของเศรษฐกิจไทยนั้น ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้
EIC คาดว่าอาจได้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 10 ล้านคนในปีนี้ และปีหน้าอาจได้เห็นนักท่องเที่ยว 28 ล้านคน โดยตัวเลขดังกล่าวรวมนักท่องเที่ยวจีน 4 ล้านคน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ ฐิติมามองว่าปีนี้เงินเฟ้อของไทยจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งในปี 2566 จะได้เห็นตัวเลขเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 3.2% ซึ่งมากกว่าเป้าของธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากราคาพลังงาน ราคาอาหารยังสูง
การบริโภคของไทยใส้ในคือการจ้างงานเพิ่มขึ้น ยกเว้นกลุ่มก่อสร้างและโรงแรม คนมีอาชีพอิสระมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงที่ผ่านมามีแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมน้อยสุดนับตั้งแต่ปี 2017 ส่งผลทำให้ปี 2566 อัตราการบริโภคของไทยอาจเติบโตได้เล็กน้อย ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยนั้นเติบโตไม่ทั่วถึง
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้
ทำให้กรณีแย่สุด GDP ไทยอาจโตได้แค่ 1.8% กรณีที่เป็นไปได้มากที่สุด 3.4% และกรณีที่ดีที่สุดคือ 4.5% โดยโอกาสที่เศรษฐกิจไทยเข้าสู่สภาวะถดถอยได้มากถึง 25% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3.2% ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยในปี 2566 อยู่ในช่วง 34.5 ถึง 35.5 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปี 2566
ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว นโยบายโควิดเป็นศูนย์ในจีนกระทบต่อนักท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออก รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย