เจาะกลยุทธ์ ‘SCM’ หลังทุ่ม 30 ล. ดึง ‘มาริโอ้’ ขึ้นแท่น ‘พรีเซ็นเตอร์คนแรก’ ของ S.O.D More


ถือเป็นธุรกิจเครือข่ายแห่งแรกของไทยที่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ และสยายปีกออกไปทำตลาดในต่างประเทศได้ โดยมี 2 ผู้บริหาร นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร และนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นหัวเรือใหญ่แพ็คคู่ที่ใส่พลังเต็มร้อยมาโดยตลอด

แต่ที่น่าแปลกใจคือ บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ที่ทำตลาดมากว่า 10 ปี และมีมูลค่าธุรกิจกว่า 1,000 ล้านบาท กลับพึ่งจะมี พรีเซ็นเตอร์ เป็นครั้งแรก ดังนั้น Positioningmag จะพาไปเจาะลึกว่าทำไม SCM ต้องมีพรีเซ็นเตอร์ และพรีเซ็นเตอร์จะเข้ามาเสริมแกร่งให้ธุรกิจได้อย่างไรบ้าง


ทุ่ม 30 ล. คว้ามาริโอ้พรีเซ็นเตอร์คนแรก

นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เล่าที่มาในการใช้พรีเซ็นเตอร์ว่า ตลาดขายตรง หินขึ้น ดังนั้น ต่อให้สินค้าจะดีแต่ให้ CEO มาพูดไม่ก็ไม่เกิดอิมแพ็คมากเท่าที่ต้องการ ดังนั้น บริษัทจึงมองหาคนที่มีชื่อเสียงมากกว่า จนได้ดึง มาริโอ้ เมาเร่อ พระเอกซุปตาร์เบอร์ต้น ๆ ของไทย ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สามารถชูจุดขายของแบรนด์ได้ดีมาเป็น พรีเซ็นเตอร์คนแรก ให้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอส.โอ.ดี มอร์ (S.O.D MORE) ที่มาพร้อมแฮชแท็ก “โอ้เลือกแล้วว่าดี วันละช็อต … แบบโอ้สิครับ”

“ที่ผ่านมาเราใช้ตัวเราเป็นอินฟลูเอนเซอร์มาเป็น 10 ปี และตอนนี้ตลาดเปลี่ยนไปเยอะ การใช้แบรนด์ดึงดูดอย่างเดียวคงไม่พอ แม้เราจะมีของดี แต่ยังขาดพรีเซ็นเตอร์ชั้นนำ เพื่อทำให้แบรนด์ขยายวงกว้าง ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจดึงมาริโอ้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของซัคเซสมอร์ ซึ่งเรามองว่าคาแร็กเตอร์เหมาะกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เพราะบุคลิกภาพของ มาริโอ้ เมาเร่อ มีความเป็น ฮีโร่ มีสปริต รวมถึงดูแลสุขภาพของตัวเอง ดังนั้นจะสามารถนำเสนอจุดเด่นและเอกลักษณ์ของความเป็นคนดูแลสุขภาพออกมาได้อย่างชัดเจน”


ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายและสร้าง Brand Awareness

สำหรับช่องทางการสื่อสาร บริษัทจะใช้สื่อ Out of Home เช่น ป้ายบิลลอร์ด, แรพ รถเมล์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ ควบคู่กับการทำการตลาดออนไลน์ผ่านการใช้ KOL, อินฟลูเอนเซอร์ รีวิวลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Instagram, TikTok เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ส่วนช่องทาง ฟรีทีวี จะไม่ได้ใช้ เนื่องจากมองว่าทำให้เกิดอิมแพ็คได้น้อย

อีกสิ่งที่จะทำควบคู่คือ การเทรนด์นิ่ง โดยมาริโอ้จะเปรียบเสมือน ทหารอากาศ ที่สร้างการรับรู้วงกว้าง แต่เมมเบอร์จะเปรียบเสมือน ทหารราบ ในการเข้าถึงชุมชนต่าง ๆ ดังนั้น การเทรนด์คนจากนี้จะเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น มีความรู้ในสินค้าเชิงลึก สอนทักษะในการเข้าถึงผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความประทับใจและอยากซื้อซ้ำ

“ทหารอากาศ คือ บอมจากพรีเซ็นเตอร์ มาริโอ้ ที่จะทำให้คนรู้จัก พอคนรู้จักเราก็ใช้ทหารราบไปตามเก็บ ซึ่งกลยุทธ์นี้เราเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มสมาชิก และยอดขาย” นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังผลลัพธ์ 3 ด้านหลังจากที่มีมาริโอ้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ได้แก่

1. เพิ่มแบรนด์อแวร์เนส ให้สูงขึ้น จากเดิมที่การรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังค่อนข้างกระจุกตัว และไม่ขยายวงกว้าง โดยคาดว่าจะช่วยให้คนเปิดใจรับผลิตภัณฑ์รวมถึงธุรกิจ MLM ได้มากขึ้น

2. เพิ่มจำนวนเมมเบอร์ของบริษัทให้สูงขึ้น จากระดับปกติที่มีการเติบโตปีละ 4-5 หมื่นคน ปัจจุบัน บริษัทมีเมมเบอร์ 187,000 คน แบ่งเป็นประเทศไทย 136,000 คน อีก 51,000 คนเป็นต่างชาติ

3. เพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์โดยรวม 20% และเพิ่มยอดขาย S.O.D More จากเดิมมียอดขายอยู่ที่ ประมาณ 3,500 – 4,000 ขวดต่อเดือน แต่เพียงแค่มีข่าวเปิดตัวมาริโอ้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ช่วยให้ยอดขาย S.O.D. More ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 50% จึงเชื่อว่ายอดขายสินค้าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทกำหนดไว้

“เรามองว่ามาริโอ้จะช่วยให้เราเพิ่มเมมเบอร์วัย 25-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มแฟนคลับของเขาที่จะเพิ่มเข้ามา ส่วนยอดขายของ S.O.D More จะมีกลุ่มเป้าหมายวัย 40-55 ปี ที่มองหาสินค้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ”


ยังมีแคมเปญเล่นใหญ่ตลอดทั้งปี 2565 ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของซัคเซสมอร์

นอกจากจะเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกแล้ว SCM ยังมีแคมเปญใหญ่ “เปย์หนัก! จัดใหญ่ แจกจริง ลุ้น BMW โชคหล่นทับทั้งปี” ที่แจก รถยนต์ BMW รุ่น 220i Gran Coupe M Sport เป็นรางวัลใหญ่ 1 รางวัล และมีรางวัลอื่น ๆ อาทิ รถจักรยานยนต์ สร้อยคอทองคำ iPad โทรศัพท์ iPhone รวมมูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท โดยเหลือประกาศจับรางวัลอีก 1 ครั้งสุดท้าย โดยลุ้นรับรางวัลง่ายๆ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ซัคเซสมอร์ ครบทุก ๆ 1,500 บาท รับ coupon ลุ้นโชค 1 ใบ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ –31 ธ.ค 2565 โดยจะประกาศรางวัลทาง Facebook: Successmore Thailand จับรางวัลครั้งที่ 4 ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)


ขายตรงต้องทะลุขายตรง

นายนพกฤษฏิ์ ย้ำถึงภาพตลาดขายตรงปีนี้ว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันเข้าถึงสินค้าง่ายกว่า 10-20 ปีที่แล้ว แค่คลิ๊กเดียวก็สั่งของได้ แถมการจะชนะใจลูกค้าก็ยากขึ้น เพราะเขาถูกจูงใจด้วยโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ขณะที่เศรษฐกิจที่บอบช้ำมานาน ประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้เล่นหน้าใหม่ รวมถึงโมเดลทดแทนอย่างออนไลน์ ทำให้ตลาดขายตรงยิ่งท้าทาย ดังนั้น ขายตรงทุกค่ายต้องขายทะลุความเป็นขายตรง ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ พรีเซ็นเตอร์จะกลายเป็นเรื่องจำเป็นของตลาดขายตรง

“สำหรับแบรนด์ที่พร้อมสู้เพื่อให้มีพลังไปต่อ พรีเซ็นเตอร์จะกลายเป็นเรื่องจำเป็น แต่ถ้าไม่พร้อมสู้ ไม่มีงบการตลาดก็จะมีแต่หดตัว ๆ และแบรนด์ที่ใช้พรีเซ็นเตอร์แล้วไปต่อได้ สินค้าต้องดี สำหรับ SCM เองมีรากฐานที่สำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์กว่า 70 รายการ”

นายนพกฤษฏิ์ ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ทำให้ตลาดขายตรงแตกต่างคือ การที่ผู้คนสัมผัสผู้คน ซึ่งเป็นสิ่งที่โมเดลอื่นให้ไม่ได้ ซึ่งลูกค้าของเราเขาต้องการความรู้สึกที่ดี ต้องการเพื่อน ต้องการผู้รับฟัง ต้องการสายสัมพันธ์ ต้องการการบริการที่ใกล้ชิด นี่จึงเป็นสิ่งที่ SCM ให้ความสำคัญเพื่อไปทดแทนเรื่องลด แลก แจก แถม

ท้ายนี้ สุขภาพเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องให้ความใส่ใจ หากสนใจรายละเอียดผลิตภัณฑ์สั่งซื้อได้กับนักธุรกิจซัคเซสมอร์ทั่วประเทศ  call center 02-5115955 และ Line OA @successmore หรือ www.successmore.com รวมถึง LazMall: SUCCESSMORE-Official