กระบะ-อีโค่คาร์ ขับกินเลน รถ B-Car

ตลาดรถนั่งขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 1500 ซีซี หรือรถประเภท B-Car เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการเติบโต และแข่งขันกันสูงรองลงมาจากตลาดรถกระบะ เนื่องจากตลาดรถขนาดนี้เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด และต้องการใช้รถขนาดเล็กเพื่อความประหยัดทั้งด้านการซื้อ และค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิง

รถ B-Car เริงร่า และเก็บลูกค้าไปมากมายและต่อเนื่อง แม้จะมีผู้ผลิตรถหลายรายเข้ามาร่วม แต่ตลาดก็ยังเติบโต และน่าพึงพอใจสำหรับผู้ผลิตทุกราย

ตลาดรถ B-Car ขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 65% ในตลาดรวมรถเก๋ง สะท้อนให้เห็นทิศทางตลาดและความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และคาดว่าปีนี้ยอดขานรถ B-Car จะอยู่ที่ประมาณ 2.5-2.6 แสนคัน ส่วนปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.2 แสนคัน

Eco Car – คืน 1 แสนบาท ทุบ B-Car

จนเมื่อการมาถึงรถอีโค่คาร์ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับโครงสร้างตลาดรถทันที เพราะรถอีโค่คาร์ไล่กินส่วนแบ่งตลาดรถกระบะ รถ B-Car อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากความได้เปรียบเรื่องราคา และการประหยัดน้ำมัน ทำให้รถอีโค่คาร์ที่หลายค่ายประเมินว่าเกิดยาก และไม่น่าจะรอด

ทุกวันนี้ อีโค่คาร์อย่างนิสสัน มาร์ช ก็ต่ออายุและช่วยชีวิตนิสสันไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมๆ กับการเข้ามาของฮอนด้า บรีโอ้ ก็เขย่าตลาดมากพอสมควร และปลายปีนี้ มิตซูบิชิ รายที่ 3 ของอีโค่คาร์ก็จะตามมา

รถ B-Car กำลังถูกแย่งชิงตลาด และถูกท้าทายอย่างหนัก ถ้าบอกว่าผู้เล่นในตลาดนี้ไม่หวั่นรถอีโค่คาร์ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตลาดของรถ 2 กลุ่มนี้ทับซ้อนกันอยู่ ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา

พร้อมกับแรงบวกของนโยบายคืนเงิน 1 แสนบาทสำหรับรถคันแรกของรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้ตลาดรถโดยรวมปั่นป่วนเพิ่มขึ้น เพราะความจูงใจในเรื่องของราคารถที่ถูกลงมาถึง 1 แสนบาทค่ายรถยนต์ทุกรายต่างก็หวังว่านโยบายนี้จะทำให้ยอดขายรถพุ่งถึงขีดสุดอีกครั้ง

แต่เมื่อมาตรการของรัฐบาลให้สิทธิ์นี้กับรถกระบะและรถอีโคค่าร์ ทำให้ตลาดรถ B-Car ที่กำลังมีทีท่าว่าจะได้รับผลดีจากมาตรการนี้ก็กลายเป็นฝันค้าง และส่วนแบ่งในตลาดก็กำลังจะถูกแย่งด้วยรถกระบะและรถอีโค่คาร์แบบไม่ทันตั้งตัว

Mazda 2 เปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดรับมือ

ต้องบอกว่า มาสด้า 2 มองตลาดรถ B–Sagment อย่างจริงจัง และเกาะติดไม่ยอดให้หลุดกระแสไปแม้วินาทีเดียว ตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2552 พร้อมกับได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในระดับที่มาสด้าคาดไม่ถึงเช่นกัน

มาสด้า 2 เมื่อเทียบชั้น ชื่อเสียงกับคู่แข่งในตลาดระดับเดียวกันแล้ว ต้องยอมรับว่าไล่ตามแชมป์อย่างโตโยต้า วีออส ฮอนด้า ซิตี้ อย่างเหน็ดเหนื่อยทีเดียว แต่สิ่งที่มาสด้า 2 ทำ ไม่ใช่การวิ่งเข้าไปหาเบอร์หนึ่ง แต่วิ่งห่างออกมา พร้อมกับดึงผู้บริโภคส่วนหนึ่งออกมา และวิ่งในถนนที่มาสด้าสร้างขึ้นมาเอง

มาสด้า 2 สร้างลูกค้าของตัวสินค้าขึ้นมาเองอย่างชัดเจน สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ยิ่งขายมานาน ความชัดเจนของแบรนด์มาสด้า 2 กับผู้บริโภคชัดเจนขึ้น ไม่คลุมเครือเหมือนช่วงเปิดตัว ขณะนี้รู้แล้วว่าสินค้าอยู่ตรงไหน ผู้บริโภคคือใคร

สุรีทิพย์ใช้วิธีการเปลี่ยนระบุชื่อรุ่น เพื่อทำการตลาดใหม่อีกครั้งหลังจากทำตลาดมาได้เกือบ 2 ปี เธอบอกว่า “มาสด้า 2 รุ่น 5 ประตู ใช้ชื่อ New Mazda 2 Sports และรุ่น 4 ประตู ใช้ชื่อ News Mazda 2 Elegance เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์และความใหม่ของรถยนต์แต่ละรุ่นผ่านการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร”

การปรับเปลี่ยนให้มีชื่อรุ่นที่ชัดเจน แตกต่างจากการทำการตลาดแบบเดิม เป็นไปตามแนวคิดของมาสด้า ที่เริ่มมาจากการใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นตัวแทนของผู้ใช้รถ ไม่ใช่เป็นตัวแทนของรถ

เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของผู้ใช้ที่ต้องการความโฉบเฉี่ยว ทันสมัยในมาสด้า 2 รุ่น 5 ประตู ส่วน ณเดชน์ คูกิมิยะ ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของคนทำงาน ต้องการความมั่นคงทั้งการทำงาน และการใช้ชีวิต ในมาสด้า 2 รุ่น 4 ประตู

ทั้ง 2 คนถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ยังไม่มีการระบุชื่อรุ่น จนมาถึงขณะนี้ทั้ง 2 คนเป็นตัวแทนของรถที่มีชื่อรุ่นเรียกหาอย่างชัดเจน ไม่ใช่มาสด้า 2 รุ่น 4 ประตู หรือ 5 ประตู

การทำเช่นนี้หมายความว่าทั้งตัวสินค้าและตัวพรีเซ็นเตอร์ ต้องได้รับการยอมรับจากลูกค้า และตลาดมากทีเดียว ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะยอดขายของมาสด้า 2 ยังคงเป็นสินค้าหลักของมาสด้าในประเทศไทยอยู่เช่นเดิม

แต่ถึงจะมีชื่อรุ่นเรียกหาชัดเจน แต่เชื่อเถอะว่าผู้ซื้อรถก็ยังคงเรียกมาสด้า 2 ว่าเป็นรุ่น เป้ หรือ ณเดชน์ อยู่ต่อไป จนกว่าจะเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์นั่นแหละ

สิ่งที่มาสด้าปรับตัวอย่างชัดเจนในการแข่งขันตลาดรถ B–Car ก็คือ การปรับตัวสินค้า จากเดิมที่การขายรถเก๋งจะเริ่มต้นจากรุ่นล่าง รุ่นกลาง และรุ่นสูงสุด เป็นแนวทางนี้มานาน

รถรุ่นล่างจะไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เป็นรถแบบพึ่งพาตัวเองมากที่สุด แต่มีราคาถูกที่สุด มาสด้า 2 ช่วงแรกก็ทำการตลาดแบบนี้ แต่ครั้งนี้มาสด้า 2 ตัดรุ่นล่างสุดทิ้งไป เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ล้อแม็ก ถุงลมนิรภัย เบรก ABS เข้าไปในรถทุกรุ่น พร้อมกับปรับราคาขึ้น 10,000 – 20,000 บาท

“การใส่อุปกรณ์มาตรฐานสูงขึ้นในรถทุกรุ่น มีมูลค่ามากกว่าราคาขายที่ปรับขึ้น” สุรีทิพย์ให้รายละเอียด

การปรับวิธีการขายแบบนี้ทางมาสด้าบอกว่ามาจากการสอบถามผู้ซื้อ ที่ส่วนใหญ่ตั้งใจมาดูรถรุ่นล่าง แต่สุดท้ายตัดสินใจซื้อรุ่นที่มีอุปกรณ์มาตรฐานครบถ้วนกว่า

วิธีการนี้ทำให้มาสด้ากำหนดกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และกำหนดเป้าหมายในการแข่งขันกับคู่แข่งให้แคบลง มาสด้าไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าเป็นรถที่มีราคาต่ำกว่าคู่แข่ง แต่ขายความครบถ้วนของตัวรถ เช่น สมรรถนะ อุปกรณ์มาตรฐาน

มาสด้าสร้างตลาดของตัวเองขึ้นมา หากคู่แข่งจะเข้ามาก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่มาสด้าเขียนไว้ พร้อมๆ กับให้รถสร้างความเชื่อถือให้กับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างน้อยมาตรการคืนเงิน 100,000 บาทสำหรับรถยนต์คันแรก ก็ทำให้มาสด้า 2 ลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายประการ เพื่อชิงลูกค้าให้ได้มากที่สุด

TOYOTA Vios สินค้าเก่า โปรโมชั่นใหม่

ถ้าตลาดรถ B-Car แล้ว ก็ต้องให้โตโยต้า วีออส เป็นตัวละครหลัก เพราะตลาดนี้โตโยต้าขายเป็นหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง

วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บอกว่า Vios เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2540 จนถึงขณะนี้เป็นรุ่นที่ 3 มียอดจำหน่ายรวมกว่า 500,000 คัน

โตโยต้ามีความภูมิใจในรถรุ่นนี้ไม่น้อยทีเดียว แม้ว่าจะมีเสียงบ่นจากผู้บริโภคมาตลอดว่าใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัย และออกแบบไม่สวยก็ตาม การทำตลาดของโตโยต้าก็ยังคงเป็นแนวทางเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ในขณะที่คู่แข่งทั้งอีโค่คาร์และ B-Car ต่างปรับตัวสินค้ากันอย่างมากมาย เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานที่สูงขึ้น เพื่อดึงลูกค้าให้มากที่สุด

แต่ โตโยต้า วีออส เลือกการเปลี่ยนโปรโมชั่นและพรีเซ็นเตอร์ ด้วยกิจกรรมการตลาด “VIOS We Love” ให้ช้อปปิ้งฟรีที่ห้างบิ๊กซี สำหรับลูกค้าซื้อรถวีออส เสริมด้วยกิจกรรม VIOS We Love photo contest ประกวดภาพถ่ายคู่กับรถวีออสคู่ใจ และส่งท้ายปีกับคอนเสิร์ต

พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ซึ่งเข้ามาเสริมภาพลักษณ์ร่วมกับ โจ-ภานุพล เอกเพชร และ ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์

โตโยต้าเลือกใช้แคมเปญทางการเงินมาเป็นตัวดึงลูกค้า ด้วยการใช้ดอกเบี้ย 1.49% และแคมเปญ Triple Zero คือ ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ผ่อน 0 บาท ในเดือนแรก และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน

ความเคลื่อนไหวของโตโยต้าในการปรับเปลี่ยนรูปโฉมของวีออส ยังจะไม่เกิดขึ้นจนถึงกลางปีหน้า เพราะยอดขายของรถรุ่นนี้ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อีกทั้งคู่แข่งที่ไล่ตามหลังอย่างฮอนด้าก็ไม่ได้แรงหรือมีความฮือฮามากเท่าใดนัก

โตโยต้าเลือกวิ่งอยู่ข้างหน้า แบบประคับประคองตำแหน่ง ไม่ให้ยอดขายตกลงมามากนัก พร้อมกับจับตาดูคู่แข่งอยู่ห่างๆ แต่ไม่แน่ว่าหากนโยบายรถคันแรกลด 100,000 บาท ออกมาอย่างจริงจัง โตโยต้าอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดบ้าง

แต่เมื่อย้อนกลับไปดูการเลือกใช้แคมเปญทางการเงินของโตโยต้าสำหรับรถวีออสแล้ว คือการอิงกับนโยบายรถคันแรกเช่นกัน

เมื่อลูกค้าซื้อรถคันแลรกแล้วได้ลดราคา 100,000 บาท เมื่อผนึกรวมกับดอกเบี้ย 0% ราคาของรถรุ่นนี้ก็ถือว่าถูกลงมาก และผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

Brand ที่แข็งแกร่ง ราคาถูกลง ดอกเบี้ยต่ำ วีออสก็คงเป็นทางเลือกแรกๆ ของคนซื้อรถ B-Car อยู่ต่อไป

HONDA City ปรับโฉมแต่งหน้า แต่งตาใหม่

ผู้เล่นหลักอีก Brand หนึ่งในตลาดรถ B-Car ก็คือ ฮอนด้า ที่ไล่ตามหลังโยโยต้ามาตลอด ฮอนด้า ซิตี้ คือรุ่นที่ออกมาประกบกับวีออสตั้งแต่ต้น ซิตี้รุ่นปัจจุบันมีอายุกว่า 3 ปีแล้ว ก็ถึงเวลาปรับแต่งหน้าตากันบ้าง

อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ความต้องการรถยนต์นั่งทั้งในประเภทซับคอมแพค และคอมแพคทำให้มียอดขายรถยนต์คิดเป็น 79% ของยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมดในปี 2553 และมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันในปี 2554 และ 2555 รถขนาดซับคอมแพคจะมีส่วนแบ่งประมาณ 50% ของยอดขายรถยนต์นั่งในประเทศไทย

รถซับคอมแพคที่ประธานออนด้ากล่าวถึงก็คือ รถกลุ่ม B-Car นั่นเอง และในรถกลุ่มนี้ฮอนด้า ซิตี้มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของค่ายฮอนด้า ในขณะที่ฮอนด้า แจ๊ซอยู่ในอันดับที่สาม

ในเดือนกันยายนนี้ ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปรับโฉมจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ความใหม่ของรถรุ่นนี้คือการเปลี่ยนกระจังหน้า และกันชนท้าย เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกตามแบบรถรุ่นใหม่ อุปกรณ์มาตรฐานยังเหมือนเดิม ในส่วนของราคาคงเป็นไปตามธรรมเนียมของฮอนด้าที่อาจจะเพิ่มขึ้น 20,000 บาท

การปรับโฉมย่อยของฮอนด้าครั้งนี้ เป็นแนวทางที่คล้ายกับมาสด้า 2 โดยมุ่งไปที่ตัวสินค้า ปรับอุปกรณ์มาตรฐานติดรถให้สูงขึ้น ใช้ความหรูหราเข้ามาเป็นจุดขายมากขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อเปิดทางให้กับฮอนด้า บริโอ้ ให้มีโอกาสในการขยายตลาดได้มากขึ้น ไม่ต้องมาแย่งตลาดกันเอง จึงต้องมีการวางตำแหน่งสินค้า และราคาที่ชัดเจนขึ้น

ฮอนด้า ซิตี้ ก็คงไม่ปล่อยให้วีออสสิ่งหนีไปไกลเท่าไหร่นัก ต้องวิ่งตามอย่างกระชั้นชิดเช่นเดิม

ค่ายอื่นก็ขาย B-Car

ไม่ใช่แค่จะมีเพียงสาม Brand นี้ที่ทำตลาดรถ B-Car ค่ายอื่นก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน จากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ค่ายรถต่างทั้งญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกัน ก็จะมีรถกลุ่ม B-Car ออกมาเป็นระยะ

หลายค่ายที่เคยขายรถเก๋งขนาดเล็กแล้วล้มเลิกไป ก็จะกลับคืนตลาดอีกครั้งเช่นฮุนไดและเกียจากเกาหลี ส่วนค่ายอเมริกัน ฟอร์ด เฟียสต้า ก็ยังคงแทรกตลาดอยู่เป็นระยะ เช่นเดียวกับเชฟโรเลต อาวีโอ ที่ใช้พลังงานทางเลือก NGV มาเป็นจุดขาย ซีกรถอีโค่คาร์ จะได้เห็นมิตซูบิชิ โกลบอล สมอล และนิสสัน มาร์ช 4 ประตู

ทั้งหมดนี้คือเกมขายรถที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

ประมาณการยอดขายรถยนต์ปี 2554
ปริมาณการขายรวม 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.4%
รถยนต์นั่ง 410,000 คัน เพิ่มขึ้น 18.3%
ยอดขายรถยนต์ ม.ค. – มิ.ย. ปี 2554
ปริมาณการขายรวม 432,012 คัน เพิ่มขึ้น 21.1%
รถยนต์นั่ง 193,510 คัน เพิ่มขึ้น 26.3%
เปรียบเทียบยอดขายรถยนต์นั่ง
อันดับ มิ.ย. 54 มิ.ย. 53 ม.ค. – มิ.ย. 54 ม.ค. – มิ.ย. 53
1.โตโยต้า 14,013 12,018 76,747 62,532
2.ฮอนด้า 4,776 11,175 42,979 47,462
3.นิสสัน 4,324 3,576 23,851 11,339
4.มาสด้า 3,162 2,886 15,400 14,457
5.มิตซูบิชิ 862 709 4,218 3,781
รวมทั้งหมด 27,137 30,364 193,491 153,274
หน่วย : คัน
ยอดขายรถ Eco Car และรถขนาดเล็ก
อันดับ มิ.ย. 54 ม.ค.  –  มิ.ย. 54
1.นิสสัน มาร์ช 3,329 18,426
2.ฮอนด้า บริโอ้ 794 972
3.โปรตอน เซฟวี 121 387
4.เฌอรี่ คิวคิว 16 477
5.เฌอรี่ เอ1 6 329
รวมทั้งหมด 4,319 21,449
หน่วย : คัน
ยอดขายรถนั่ง B-Car
อันดับ มิ.ย. 54 ม.ค. – มิ.ย. 54
1.โตโยต้า วีออส 6,336 32,807
2.ฮอนด้า ซิตี้  1,663 17,008
3.มาสด้า 2 1,186 6,646
4.ฮอนด้า แจ๊ซ 1,140 9,837
5.โตโยต้า ยาริส 588 5,134
รวมทั้งหมด 15,246 92,734
หน่วย : คัน
ความเคลื่อนไหวของค่ายรถยนต์กลุ่ม B-Car
รถ กลยุทธ์ รูปแบบ ความเปลี่ยนแปลง
โตโยต้า วีออส ออกโปรโมชั่นใหม่, เพิ่มพรีเซ็นเตอร์, กิจกรรมดนตรี ดอกเบี้ยต่ำ, ดอกเบี้ย 0% รถรุ่นเดิมไม่มีการปรับเปลี่ยน
มาสด้า 2 ปรับโฉมย่อย, ตั้งชื่อรุ่น Sports และ Elegance เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน, ไม่มีรุ่นล่าง ราคาเพิ่ม 10,000- 25,000 บาท มี 6 รุ่นย่อย
ฮอนด้า ซิตี้ ปรับโฉมย่อยเปลี่ยนกระจังหน้า, กันชนท้าย เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน, ใช้พลังงาน NGV เปิดตัวกันยายน, ปรับราคาเพิ่ม
ฮุนได นำเข้าฮุนได แอคเซนต์ รถเก๋งขนาดเล็ก เปิดตัวมอเตอร์โชว์ปลายปี
เกีย นำเข้า เกีย ริโอ รถเก๋งขนาดเล็ก เปิดตัวมอเตอร์โชว์ปลายปี