นับตั้งแต่ปี 2019 ที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการหลายอย่างรวมถึงการขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย (Huawei) ทำให้บริษัทไม่สามารถทำตลาดสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่สามารถทำธุรกิจกับบริษัทสัญชาติอเมริกันได้ ทำให้ปัจจุบันบริษัทจำเป็นต้องหารายได้ใหม่ ๆ รวมถึงออกใบอนุญาต สิทธิบัตร ในเทคโนโลยีที่พัฒนาให้กับบริษัทอื่น ๆ
จากเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก แต่พอโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรไป หัวเว่ย ก็ยังไม่สามารถกลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีกเลย รายได้จากฝั่งคอนซูมเมอร์ก็หายไปมหาศาล แม้แต่แบรนด์ลูกอย่าง Honor ก็ต้องขาย และล่าสุด หัวเว่ยก็ต้องยอมอนุญาตให้คู่แข่งอย่าง ออปโป้ (Oppo) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลกใช้ สิทธิบัตร 5G เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ เข้าบริษัท
หัวเว่ยได้เปิดเผยว่า บริษัทมีสิทธิบัตรมากมายกว่า 100,000 รายการทั่วโลก ถือเป็นอันดับที่ 1 จากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติจีน, สำนักงานสิทธิบัตรยุโรป และอันดับที่ 5 สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังถือเป็นหนึ่งในผู้ถือครองสิทธิบัตรชั้นนำด้านเทคโนโลยี 5G เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ปัญญาประดิษฐ์และรถยนต์ไร้คนขับ
ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการออกใบอนุญาตสิทธิบัตร 1.2-1.3 พันล้านดอลลาร์ จากการออกใบอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างปี 2562-2564
นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา สหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าหัวเว่ยจะเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติ และกดดันให้ประเทศอื่น ๆ สั่งห้ามบริษัทจีนจากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ของตน อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยก็ได้ออกมาปฏิเสธหลายครั้งว่าบริษัทไม่ได้เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง