หากพูดถึงต้นตำรับ ‘วิดีโอสั้น’ และ ‘วิดีโอแนวตั้ง’ แน่นอนว่าต้องเป็น ‘TikTok’ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสัญชาติจีนที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก และความ Hot ดังกล่าวก็ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลดั้งเดิมต่างก็ต้องพัฒนาฟีเจอร์วิดีโอสั้นแนวตั้งออกมาแข่งขัน แต่ล่าสุด TikTok ก็ขอก้าวไปในโลกของ ‘วิดีโอแนวนอน’ ซึ่งคนที่ต้องปาดเหงื่อก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น ‘YouTube’
แม้จะเป็นผู้บุกเบิกวิดีโอสั้น แต่ล่าสุด TikTok ก็ได้เริ่มทดสอบโหมด แนวนอน (Landscape) กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญบางคน มองว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ TikTok สามารถแข่งขันโดยตรงกับแพลตฟอร์มวิดีโอเบอร์ 1 อย่าง YouTube
ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์วิดีโอแนวนอน แต่อีกหนึ่งในสัญญาณของ TikTok ที่ส่งออกมาว่าจะแข่งขันกับ YouTube มากขึ้นก็คือ การเพิ่มความยาวของวิดีโอเป็นไม่เกิน 10 นาที จากที่ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์มจะจำกัดความของวิดีโอที่ไม่เกิน 3 นาที ซึ่งการเพิ่มทั้งความยาวและวิดีโอแนวนอนจะช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่เป็น ผู้ใหญ่ มากขึ้น
“ดูเหมือนว่าเป้าหมายคือการดึงดูดผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะวิดีโอในกลุ่มการเรียนการสอน หรือให้ข้อมูลความรู้ ซึ่งโหมดเต็มหน้าจอน่าจะเป็นที่ต้องการมากกว่า” Paul Triolo ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัทที่ปรึกษา Albright Stonebridge Group กล่าว
ขณะที่ Carolina Milanesi ผู้ก่อตั้งที่ปรึกษา The Heart of Tech มองว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ TikTok ดึงดูดใจเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้น และแม้ว่าทั้ง 2 แพลตฟอร์มจะส่งสัญญาณการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น แต่ Jonathon Hutchinson อาจารย์อาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ เชื่อว่าทั้ง YouTube และ TikTok จะเติบโตต่อไป
ที่ผ่านมา TikTok ถือเป็นแอปยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นทั่วโลก โดยมียอดดาวน์โหลดรวมทั่วโลกเกือบ 4 พันล้านครั้ง แม้จะมีการเติบโตอย่างสูง แต่ TikTok เองก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกตรวจสอบจากหลาย ๆ ประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.ของสหรัฐฯ เสนอให้แบน TikTok เนื่องจากพวกเขาอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้แบน TikTok ในประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย ในขณะที่ไต้หวันเพิ่งแบน TikTok จากอุปกรณ์สาธารณะ ส่วนอินเดียก็แบน TikTok ไปตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากมีข้อพิพาททางการทหาร