นับตั้งแต่ได้ครอบครองแพลตฟอร์ม ทวิตเตอร์ (Twitter) ราคาหุ้นของ เทสลา (Tesla) ของ อีลอน มัสก์ ก็ดิ่งลง ๆ โดยเฉพาะปีนี้มูลค่าก็ลดไปแล้วกว่า 60% ขณะที่มัสก์เองก็ได้เทขายหุ้นเทสลาครั้งที่ 2 ของปีไป รับทรัพย์ถึง 1.24 แสนล้านบาท ล่าสุด เขาก็ได้ออกมาให้สัญญาว่าจะไม่ขายหุ้นอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 18 เดือน
ย้อนไปช่วงที่กำลังจะปิดดีลทวิตเตอร์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอ เทสลา ได้เริ่มขายหุ้นเทสลาจำนวน 94 ล้านหุ้น มูลค่า 22,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.96 แสนล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนในการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้ขายหุ้นเทสลาอีก 22 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.24 แสนล้านบาท
ล่าสุด เขาได้ให้สัญญากับเหล่านักลงทุนว่า จะไม่ขายหุ้นเทสลาอีกต่อไปเป็นเวลา 18 เดือนหรือมากกว่านั้น หลังจากที่บริษัทสูญเสียมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่ที่เขาซื้อทวิตเตอร์ไปเมื่อเดือนตุลาคม
“ผมจะไม่ได้ขายหุ้นใด ๆ เป็นเวลา 18-24 เดือน”
นับตั้งแต่มัสก์มารับตำแหน่งเป็นผู้นำของทวิตเตอร์ บริษัทก็มีแต่ความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเลิกจ้างงานถึง 50% ส่วนลูกค้าที่ลงโฆษณาก็หนีออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับกลยุทธ์ควบคุมเนื้อหาของเขา อาทิ การบังคับใช้กฎการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ COVID-19 และยุบคณะที่ปรึกษาด้านความไว้วางใจและความปลอดภัย ล่าสุดที่เขาทำโพลว่าตัวเองควรลาออกจากตำแหน่งซีอีโอหรือไม่ ผลปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยที่เขาจะลาออก
ขณะที่เหล่านักลงทุนของเทสลาเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของทวิตเตอร์ที่แทบจะมีไม่ซ้ำเรื่อง ซึ่งพวกเขามองว่า ความวุ่นวายดังกล่าวทำให้มัสก์เอาเวลาไปทุ่มให้กับทวิตเตอร์มากกว่า แทนที่จะมาสนใจในเทสลาซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเขา
ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดของเทสลาสูงกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนที่มัสก์จะเปิดเผยว่าเขาซื้อหุ้นทวิตเตอร์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้สูญเสียมูลค่าไปเกือบ 2 ใน 3 ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์คู่แข่งกำลังชิงส่วนแบ่งการขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทไปเรื่อย ๆ