‘หัวเว่ย’ ชี้ บริษัทออกจากโหมด ‘วิกฤต’ แล้ว แม้รายได้จะไม่เติบโตก็ตาม

นับตั้งแต่ปี 2018 ที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน กระทบมาถึง หัวเว่ย (Huawei) ทั้งการจับกุมผู้บริหารระดับสูง, การขึ้นบัญชีดำบริษัท ลามไปถึงการกดดันหลายประเทศให้แบนหัวเว่ย เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับภัยความมั่นคงจากการเก็บข้อมูลส่งให้รัฐบาลจีนผ่านอุปกรณ์ของบริษัท

แม้ว่าตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ย จะไม่สามารถทำตลาดได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะตลาดคอนซูมเมอร์ แต่ล่าสุด หัวเว่ยได้สรุปว่า ตอนนี้บริษัทได้ออกจาก โหมดวิกฤต แม้ว่ารายได้ในปี 2565 จะไม่เติบโตจากปีก่อนหน้าก็ตาม

“ข้อจำกัดของสหรัฐฯ เป็นเรื่อง New Normal ของเรา และเรากลับมาทำธุรกิจตามปกติแล้ว” Eric Xu ประธานคนปัจจุบันของหัวเว่ย กล่าว

รายได้ที่ยังไม่ผ่านการยืนยันของหัวเว่ยในปี 2022 คาดว่าจะอยู่ที่ 636,900 ล้านหยวน (91,600 ล้านดอลลาร์) ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและสอดคล้องกับการประมาณการก่อนหน้านี้ Eric Xu กล่าวในข้อความว่าธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคมของบริษัทยังคง เติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่บริษัทเองก็พยายามลดการพึ่งพารายได้จากภาคอุปกรณ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์ได้

สำหรับปีที่กำลังจะมาถึง Xu ให้คำมั่นว่าจะรักษาการลงทุนอย่างหนักของหัวเว่ยในส่วนการวิจัยและพัฒนา และกล่าวว่า ธุรกิจคลาวด์ จำเป็นต้องกลายเป็น รากฐานในการขับเคลื่อนการเติบโต นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจคลาวด์

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยไม่ได้เปิดเผยตัวเลขทางการเงินที่มีรายละเอียดมากขึ้นสำหรับธุรกิจหรือผลกำไรโดยรวมของบริษัท

ทั้งนี้ หัวเว่ยถือเป็นแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกรายแรกของจีนที่ประสบปัญหาถูกขึ้นบัญชีดำในสมัย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ปิดกั้นการเข้าถึงชิปประมวลผลและเทคโนโลยีอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากข้อกังวลว่าหัวเว่ยจะเก็บข้อมูลส่งให้รัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าหัวเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

Source