แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2022 ที่ผ่านมาจะมีวิกฤตหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะ เงินเฟ้อ แต่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาทก็ยังเติบโตได้ 5-6% ซึ่งก็ได้กลุ่ม พรีเมียม เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด โดย ซัมซุง (Samsung) แบรนด์สัญชาติเกาหลีใต้ก็เห็นโอกาสในส่วนนี้ และขอสู้เพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในทุกกลุ่มสินค้าภายใน 3 ปี
ตลาดพรีเมียมโตสวนทางแมส
เจนนิเฟอร์ ซอง ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2022 ที่ผ่านมาไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะมีทั้งปัจจัยเรื่องค่าเงิน และเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดและตัวซัมซุงเองยังคงเติบโตได้ 5-6% โดยมีสินค้าใน กลุ่มพรีเมียม เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด เนื่องจากช่องว่างระหว่างครัวเรือนที่มีรายได้สูงและครัวเรือนที่มีรายได้น้อยกว้างขึ้น
“สินค้ากลุ่มพรีเมียมของเราเติบโต 2 เท่าในทุกกลุ่มสินค้า เพราะตั้งแต่ COVID-19 ระบาด คนอยู่บ้านมากขึ้น เขามองว่าบ้านเป็นพื้นที่ส่วนตัวและเริ่มอยากตกแต่งบ้านใหม่ ๆ มากขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ซัมซุงที่เห็นโอกาสนี้ ดังนั้น เชื่อว่าการแข่งขันในกลุ่มสินค้าพรีเมียมจากนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย”
อัดสินค้าใหม่กว่า 100 รุ่น ชูความ Personalize
เจนนิเฟอร์ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมียมจะให้ความสำคัญกับความเป็นตัวตน ต้องการสินค้าที่ สะท้อนความเป็นตัวตน มากกว่าราคา นอกจากนี้ ต้องมีนวัตกรรมที่ทำให้เขาใช้ชีวิต ง่ายขึ้น ดังนั้น สินค้าของซัมซุงในกลุ่มพรีเมียมจะเน้น ดีไซน์สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ นวัตกรรมทันสมัย และ การเชื่อมต่ออัจฉริยะ นอกจากนี้ ต้องตอบโจทย์ ความยั่งยืน ด้วย
“ผู้บริโภค 70% มองว่า ถ้าสินค้าเข้าใจในตัวตนเขาจริง ๆ เขาก็จะเลือกอยู่กับแบรนด์นั้น ๆ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ 55% ระบุว่า เขาจะซื้อของที่สะท้อนความเป็นตัวเอง นอกจากนี้ คนไทยถึง 72% มีความต้องการติดตั้งสมาร์ทโฮม”
ในปีนี้ ซัมซุงมีแผนจะเพิ่มโปรดักส์ใหม่กว่า 100 รุ่น โดยจะเน้นไปที่กลุ่มพรีเมียม และการทำตลาดช่วง Q1-Q3 จากนี้จะเน้นที่เรื่อง ไลฟ์สไตล์ โดยสินค้าในกลุ่ม Bespoke จะขยายไปกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจาก ตู้เย็น อาทิ ไมโครเวฟ, เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น และเปลี่ยนการสื่อสารเป็น Bespoke Home เพื่อสื่อสารถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งบ้าน ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา กลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นเติบโต 5% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (เตาอบไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องฟอกอากาศ) เติบโต 10%
ในส่วนของ ทีวี จะเน้น Lifestyle TV และกลุ่ม QLED, OLED เพราะในปีที่ผ่านมาจะเห็นเทรนด์อย่างชัดเจนว่าทีวีขนาด 65 นิ้วขึ้นไป เติบโตขึ้นมากแบบเห็นได้ชัดถึง 1.5 เท่า ทีวีพรีเมียมยังคงเติบโตสูง อาทิ Neo QLED เติบโตขึ้นถึง 3 เท่า เฉพาะ Neo QLED 8K เติบโตถึง 4 เท่า
ด้าน เครื่องปรับอากาศ ที่ใช้เทคโนโลยี WindFree ซึ่งเป็นกลุ่มพรีเมียมเติบโตถึง 30% โดยปีนี้ซัมซุงเตรียมเปิดตัวไลน์อัพเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ในกลุ่ม WindFree คาดว่าจะคิดเป็น 90% ของไลน์สินค้า ครอบคลุมกลุ่มกลาง-บน พร้อมขยายระยะเวลารับประกันสูงสุดถึง 10 ปี
เดินหน้าลุยตลาด B2B
อีกตลาดที่จะช่วยให้ซัมซุงเติบโตก็คือ B2B ที่ปีนี้บริษัทจะเน้นมากขึ้น อาทิ โครงการบ้านและคอนโด โดยจะชูจุดเด่นเรื่อง โทเทิ่ลโซลูชั่น ที่สินค้าทั้งหมดของซัมซุงสามารถเชื่อมต่อกันได้ และสินค้าที่จะใช้เป็นตัวนำในการบุกก็คือ เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากในปีที่ผ่านมายอดขายเครื่องปรับอากาศในกลุ่ม B2B เติบโตถึง 40% ก่อนจะตามด้วยสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า
“เราเพิ่งเริ่มทำตลาด B2B แต่เรามองว่านี่คือ โอกาสสำคัญ เพราะจุดแข็งเราคือ ไลน์สินค้าที่ครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการได้ต่างจากคู่แข่ง โดยเฉพาะการตอบโจทย์เรื่องโทเทิ่ลโซลูชั่น”
ขึ้นเบอร์ 1 ทุกกลุ่มสินค้าใน 3 ปี
สำหรับเป้าหมายของซัมซุงในปี 2023 ต้องเติบโต 2 หลัก ขึ้นไป โดยมองว่าปีนี้มีปัจจัยบวกจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากภาค การท่องเที่ยว ทั้งจากตัวนักท่องเที่ยว เม็ดเงินที่เข้ามาช่วยให้ผู้บริโภคจับจ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้า คาเฟ่ และโรงแรมต่าง ๆ ลงทุนเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ต้นทุนต่าง ๆ น่าจะลดลง สินค้าก็จะมีราคาดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคจับต้องสินค้าได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าคือ ไม่ใช่สินค้าหลักที่ผู้บริโภคจะใช้เงิน เพราะเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคอยากใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยว ดังนั้น เชื่อว่ากว่าที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าจะกลับมาเป็นสินค้าหลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้จ่ายคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี
“ตอนนี้คนไปเที่ยวกันเยอะเพราะเขาอั้นมานาน ดังนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าจากที่เคยเป็นอันดับ 1-2 สิ่งที่ผู้บริโภคเลือกใช้เงินก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่”
สำหรับเป้าหมายใน 3 ปีจากนี้ ซัมซุงต้องการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทุกกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า จากปัจจุบันสินค้ากลุ่มทีวี, ตู้เย็น เป็นอันดับ 1 ที่แข็งแรง และกลุ่มต่อไปที่ซัมซุงมองว่ามีโอกาสขึ้นเป็นอันดับ 1 คือ เครื่องซักผ้า ที่ปัจจุบันเป็น Top 2 ของตลาด ตามมาด้วย เครื่องปรับอากาศ ที่ปัจจุบันเป็น Top 5 ของตลาด