การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2565 คาดว่าจะต่ำสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ Zero Covid และผลกระทบจากภาคอสังหาฯ ที่ทำให้การเติบโตถูกคาดว่าจะอยู่ที่เพียง 2.7% น้อยกว่าปี 2564 ที่เติบโตได้ 8% และพลาดจากเป้าที่วางไว้ 5.5%
นักวิเคราะห์ 10 คนได้คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะเติบโตขึ้นเพียง 2.7% ซึ่งลดลงอย่างมากจากการเติบโตของจีนในปี 2564 ที่มากกว่า 8% นอกจากนี้ยังอาจเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดของจีนนับตั้งแต่ในปี 2519 หากไม่นับรวมปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID-19 ที่เริ่มระบาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562
การเติบโต 2.7% ถือว่าห่างจากที่รัฐบาลจีนวางเป้าว่าจะเติบโตให้ได้ 5.5% ซึ่งสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้การเติบโตเป็นไปตามเป้ามาจากมาตรการ Zero Covid ของรัฐบาลเองที่มีการอกดาวน์อย่างเข้มงวด การกักกัน และการตรวจหาเชื้อบ่อยครั้ง ทำให้โรงงานผลิตและธุรกิจในศูนย์กลางสำคัญต้องปิดตัวอย่างกะทันหัน ขณะที่ผู้บริโภคเองก็จับจ่ายใช้สอยได้ไม่เต็มที่
“ไตรมาสที่ 4 ค่อนไม่ดี ไม่ว่าจะวัดจากการบริโภคหรือการลงทุน การเติบโตก็ชะลอตัวลง” Zhang Ming นักเศรษฐศาสตร์ จาก Chinese Academy of Social Sciences ในกรุงปักกิ่งกล่าว
ในเดือนธันวาคม การส่งออกของจีนดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดโรคระบาด โดยหดตัว 9.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนชะลอตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ขณะที่การผ่อนคลายข้อจำกัดของโควิดในจีนตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม อาจทำให้การบริโภคของจีนแย่ลงอีก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น โดยปัจจุบัน จีนกำลังต่อสู้กับจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์งานล้นมือ
นอกจากนี้ จีนยังมีปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโต โดยภาคอสังหาฯ นี้รวมถึงการก่อสร้างมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของ GDP ของจีนได้รับความเดือดร้อนนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มปราบปรามการกู้ยืมเงินมากเกินไปและการเก็งกำไรในปี 2563 ซึ่งจุดเริ่มต้นของมาตรการที่เข้มงวดนี้มาจากของความกังวลทางการเงินของ Evergrande ซึ่งเป็นอดีตอันดับ 1 ของจีนในด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันมีหนี้ก้อนโต