กางแผน ‘อาร์เอส กรุ๊ป’ กับการปั้นมาร์เก็ตแคป ‘แสนล้าน’ ใน 3 ปี ฝันใหญ่ที่ไม่ลมแล้งของ ‘เฮียฮ้อ’

นับตั้งแต่ที่ อาร์เอส กรุ๊ป (RS Group) ได้รีแบรนด์ ปี 2023 นี้ก็ครบ 3 ปีพอดี ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกการเคลื่อนไหวของอาร์เอสนับว่าจับตามอง ทั้งการคลอดแบรนด์ Lifemate (ไลฟ์เมต) หรือการซื้อธุรกิจขายตรง ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์ แต่ดูเหมือนเส้นทางจากนี้จะยิ่งน่าจับ เพราะ เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ มองว่า ปี 2023 เป็นปีที่ท้าทายที่สุดในชีวิตการทำธุรกิจ 41 ปี และเป้าหมาย 3 ปีของอาร์เอส กรุ๊ป ต้อง สร้างอาณาจักรแสนล้าน ให้ได้

2023 เวลาที่ใช่ของวิชั่นส์ใหม่อาร์เอส

เฮียฮ้อ เล่าถึงช่วง 3 ปีที่ผ่านมาว่า ไม่ง่าย เพราะมีทั้งการะบาดของโควิด สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้คาดการณ์แนวทางการทำธุรกิจได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ และในปี 2023 นี้ จะเป็นปีที่ สำคัญที่สุดของอาร์เอสนับตั้งแต่ก่อตั้งมา และเป็นปีที่ สำคัญที่สุดของเฮียฮ้อนับตั้งแต่ทำธุรกิจมา 41 ปี เนื่องจากมองว่าการฟื้นตัวหลังจากโควิดจะทำให้ตลาดจะดีดกลับอย่างไม่ปกติ เพราะตลาดอั้นมานานและผู้บริโภคพร้อมกลับมาใช้จ่ายเพื่อซื้อความสุข

“ผมใช้เวลาทั้งชีวิตในการทำงานหาเวลาที่ใช่ และผมเชื่อว่าปี 2023 คือเวลาที่ใช่ ดังนั้น เราจึงใช้เวลานี้กำหนดวิชั่นส์ใหม่ของอาร์เอสใน 3 ปีจากนี้ โดยเราต้องการให้ทำให้มาร์เก็ตแคปของอาร์เอสกรุ๊ปมีมูลค่า 1 แสนล้านบาท

จัดโครงสร้างองค์กรใหม่ก่อน Spin-Off เข้าตลาด

นับตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว ที่ ตลาดมิวสิก อยู่ในช่วงขาลง อาร์เอสก็มีการปรับตัวมาตลอดอย่างที่หลาย ๆ คนรู้ว่าปัจจุบันอาร์เอสมีธุรกิจหลากหลายมากในมือ ซึ่งปีนี้ บริษัทได้ปรับโครงสร้างใหม่โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ได้แก่

  • RS Multimedia: ประกอบด้วย ช่อง 8 และ COOLfahrenheit
  • RS Music: ประกอบด้วยค่ายเพลง RSIAM, kamikaze, RoseSound และบริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล
  • RS LiveWell: ประกอบด้วย RS Mall และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ well u, Vitanature+, Lifemate และ Camu C
  • RS Connect: ประกอบด้วย ULife และ De Beste ธุรกิจขายตรง
  • RS Pet All: ธุรกิจใหม่ที่ประกอบธุรกิจครบวงจรสำหรับสัตว์เลี้ยง
  • R Alliance: ดูแลด้านการลงทุน ตามกลยุทธ์​ M&A และ JV

โดยใน 3 ปีจากนี้อาร์เอสต้องการจะ Spin-Off 5 บริษัท (ไม่นับ R Alliance) ออกไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ทุกธุรกิจรวมมีมูลค่า 1 แสนล้านบาท ได้ภายใน 3 ปีตามเป้าหมาย

กางแผน 6 บริษัทภายใต้วิชั่นส์ Life Enriching

เฮียฮ้อ เล่าต่อว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์พาอาร์เอสกรุ๊ปสู่อาณาจักรแสนล้านก็คือ วิชั่นส์ Life Enriching (ยกระดับทุกมิติของการใช้ชีวิต) โดยกลยุทธ์จากนี้ของบริษัทในเครือคือการ เจาะตลาดแมส และเพิ่ม Accessibility การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นด้วยช่องทางการจำหน่ายและพาร์ตเนอร์ที่หลากหลาย

โดยในส่วนของธุรกิจฝั่งอีคอมเมิร์ซ เริ่มจาก RS LiveWell ปีนี้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 19 SKUs ภายใต้แบรนด์ well u และ Vitanature+ ปี ในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว นอกจากนี้ สินค้าบางส่วนยังได้จับมือพันธมิตรเพื่อขยายช่องทางไปสู่ Specialty Store และ Duty Free เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ RS Mall ก็จับมือกับพันธมิตรหลากหลายยิ่งขึ้น อาทิ สถาบันการเงิน โรงพยาบาล คลินิก และบริษัทประกันชั้นนำ เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่

ส่วน RS Connect ธุรกิจขายตรง ได้เพิ่มบิสซิเนสโมเดลใหม่ ได้แก่ ปิ่นโต สำหรับจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพแบบ Subscription และโมเดลธุรกิจ PROMPT เพื่อจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มพันธมิตรที่น่าสนใจผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนแบรนด์ De Beste (เดอร์ เบสส์เต) จะเปิดระบบตัวแทนออนไลน์ (Online Marketing)

ต่อยอดไลฟ์เมตสู่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร

จากที่ปี 2021 บริษัทได้ชิมลางออกแบรนด์ Lifemate ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่เกิดจากแพชชั่นส่วนตัวของเฮียฮ้อเอง โดยในปีนี้เฮียฮ้อก็ได้แตกออกมาเป็น บริษัท อาร์เอส เพ็ท ออล จำกัด เพื่อทำธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่ประกอบด้วยโรงงานผลิตอาหารสัตว์ รีเทลสัตว์เลี้ยง สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจเวลเนสสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย

ส่วนสินค้าภายใต้แบรนด์ Lifemate ก็มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 22 SKUs ในหมวดอาหารกลุ่ม Specialty Food, สแน็คสำหรับสุนัขและแมว และผลิตภัณฑ์ดูแลทำความสะอาด อีกทั้งยังเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายไปยัง Modern Trade และตลาดต่างประเทศ

ช่อง 8 นำเสนอภูธรมาร์เก็ตติ้ง

อย่างในส่วนของ RS Multimedia ที่ประกอบด้วยช่อง 8 จะนำเสนอ ภูธรมาร์เก็ตติ้ง เน้นฐานผู้ชมต่างจังหวัดที่เป็นตลาดแมส ซึ่งถือเป็นฐานแฟนคลับชั้นดีของช่อง โดยปีนี้จะมีละครใหม่ที่ถูกจริตกับคนกลุ่มนี้ เสริมด้วยซีรีส์อินเดีย จีน เกาหลี เพื่อสร้างความแตกต่างและช่วยให้เข้าถึงเป้าหมายที่กว้างขึ้น นอกจากนี้จะเพิ่มรายการ มวย 4 รายการ เพื่อรักษาตำแหน่งเบอร์ 1

นอกจากนี้ จะผลิต คอนเทนต์ออนไลน์ของช่อง 8 โดยจะมีรายการใหม่ ๆ จับกลุ่ม Young Gen ส่วนของ COOLfahrenheit จะทำให้ครบทั้ง ออนแอร์ ออนไลน์ ออนกราวด์ โดยขยายช่องทางเข้าถึงจากแค่ FM 93 และ แอปพลิเคชัน COOLISM ให้สามารถฟังได้ผ่านสตรีมมิ่ง เช่น Joox, Siri, Apple Music, Google Home และ Google Assistant นอกจากนี้ ยังมีด้วยกิจกรรมโดนใจ อาทิ COOL Outing และ COOLive วางแผนจัด 4 คอนเสิร์ตใหญ่ และ 4 เฟสติวัล

คัมแบ็กตลาดเพลงในรอบ 15 ปี

อีกธุรกิจที่น่าจับตาสำหรับฝั่งคอนเทนต์ก็คือ RS Music ที่ตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มเห็นขาลงของธุกิจเฮียฮ้อก็ได้พักเอาไว้ แต่ปัจจุบันเฮียฮ้อมองว่า New Wave ของ Music กลับมาแล้ว ดังนั้น ตั้งแต่ปีนี้เฮียฮ้อจะกลับมาทำธุรกิจเพลงเต็มรูปแบบเหมือนในอดีต ผ่านค่ายเพลงในเครือซึ่งประกอบด้วย RSIAM, kamikaze และ RoseSound

สำหรับไฮไลต์สำคัญของปีจะมี 2 โปรเจกต์ใหม่ ได้แก่

  • RS Homecoming: ที่จะนำศิลปินเก่ากลับมาอีกครั้ง
  • RS Newcomers: ที่จะปลุกปั้นศิลปินใหม่ โดยจะมีรายการใหม่ vibe house เป็นรายการหาศิลปินหน้าใหม่ vibe square จัดงานอีเวนต์คอนเสิร์ตภายใต้บริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล

“รายได้ใหญ่สุดของธุรกิจเพลงในอดีตมันมาจากยอดขายแผ่นยอดขายเทป พอรายได้ส่วนนี้มันลดลงถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่ามันไม่ใช่ธุรกิจที่เหมาะสม ตลอดที่ผ่านมาเรายังทำแต่แค่ลดลง ซึ่งตอนนี้เราเห็นการเติบโตทางดิจิทัลที่มีนัยสำคัญ และเรามองภาพต่างจากอดีต เพราะแม้รายได้ตอนนี้อาจไม่สูงเท่าเดิมแต่มันไม่มีต้นทุน และทำเงินได้ตั้งแต่เริ่มหาศิลปิน ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว น้ำขึ้นเราควรจะกลับมาจับปลา”

อย่างไรก็ตาม เฮียฮ้อยังไม่ได้เปิดเผยถึงส่วนของ RS Music มากนัก แต่ระบุว่า จะเห็นความชัดเจนเพิ่มขึ้นภายในไตรมาส 1 โดยเฉพาะเรื่องของ พาร์ตเนอร์ ที่จะมาร่วมกับอาร์เอส โดยเฮียฮ้อทิ้งท้ายถึงตลาดเพลงในปัจจุบันว่า อาร์เอส ไม่ได้มองใครเป็นคู่แข่ง เพราะตลาดเปลี่ยนไป ทุกคนสามารถ อยู่ร่วมกันหรือสามารถจับมือกันสร้างมูลค่าเพิ่มได้ และมั่นใจว่าสิ่งที่อาร์เอสมีแต้มต่อก็คือ ความเชี่ยวชาญ ความมีประสบการณ์เพลงกว่า 20,000 เพลง

“วันนี้รายได้จากดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำรายได้ให้เราแข็งแรง ซึ่งธุรกิจเพลง 3 ปีจากนี้มีโอกาสที่จะทำรายได้ 1,000 ล้านเหมือนในอดีต โดยปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 400 ล้านบาท”

วางเป้า 5,500 ล. พร้อมตั้งสายงานใหม่ Media & Marketing

นอกจากฝั่งอีคอมเมิร์ซและคอนเทนต์ อาร์เอสกรุ๊ปมีส่วนของการทุนก็คือ R Alliance สำหรับการทำ M&A และ JV โดยปีนี้คาดว่าจะมีการลงทุนในปีนี้ 2-3 ดีล ภายใต้งบลงทุนไม่เกิน 600 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้มีการตั้งสายงานใหม่ Media Sell and Marketing ดูแลการซื้อสื่อและการทำการตลาดแบบ one stop service ครอบคลุมและเชื่อมโยงสื่อและบันเทิงในทุกธุรกิจของอาร์เอส กรุ๊ป ช่วยให้การซื้อสื่อโฆษณาและการทำการตลาดของลูกค้ามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด

สำหรับรายได้ของปี 2023 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 5,500 ล้านบาท โดยมาจาก ธุรกิจคอมเมิร์ซ 3,100 ล้านบาท (RS LiveWell 1,800 ล้านบาท, RS Connect 900 ล้านบาท และ RS Pet All 400 ล้านบาท) และ ธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 2,400 ล้านบาท (RS Multimedia 1,450 ล้านบาท, RS Music 400 ล้านบาท และอีเวนต์-คอนเสิร์ต 550 ล้าบาท) และในช่วง 3 ปีจากนี้ต้องการให้ภาพรวมทั้งหมดเติบโตปีละ 30-40%

60 แต่ยังไม่วางมือ

เฮียฮ้อทิ้งท้ายว่า ตนเองเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 19 จนปัจจุบันอายุ 60 แต่ปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายที่สุดที่อาร์เอสก่อตั้งมาและท้าทายที่สุดในชีวิตการทำงานของเฮียฮ้อ เพราะมีแผนที่จะทำให้มาร์เก็ตแคปบริษัทรวม 1 แสนล้านบาท ถือเป็นฝันที่ใหญ่แต่ไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งตอนนี้เฮียฮ้อย้ำว่าตอนนี้ยังคงสนุกกับการทำงาน ดังนั้น ยังไม่มีแผนจะวางมือแน่นอน

“โหดสุดสำหรับเฮียคือ 5 ปีในธุรกิจเพลงที่เราขาดทุนต่อเนื่อง เป็นช่วงที่ยากที่สุดที่ต้องขายโรงงานผลิตซีดีทิ้ง แต่ก็ทำให้เรากล้าที่จะทรานซ์ฟอร์ม กล้าจะลองทำอะไรใหม่ ๆ ทั้งธุรกิจกีฬา ธุรกิจทีวี ธุรกิจคอมเมิร์ซ ทำให้เราได้บทเรียนดี ๆ สำหรับเฮียแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ยอมแพ้ ไม่กลัวความล้มเหลว และเรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ มันทำให้เราล้มก็ต้องรับให้ได้ เรียนรู้กับมัน และการที่ไม่หยุดคิดและฝัน ทำให้เราไม่ยึดติดกับความสำเร็จ จะเห็นว่าอาร์เอสมีความหลากหลายมันสะท้อนว่าเราไม่หยุดที่จะหาสิ่งใหม่ ๆ