ซีอีโอ ‘เน็ตฟลิกซ์’ ประกาศลงจากตำแหน่ง หลังพาแพลตฟอร์มปิดยอดสมาชิกกว่า 230 ล้านราย

รีด แฮสติงส์ ซีอีโอเน็ต ฟลิกซ์ ตกเป็นข่าวสนซื้อ WWE
2022 นับเป็นปีที่แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งอย่าง เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ต้องลดจำนวนพนักงาน, ตัดงบผลิตคอนเทนต์ในฝั่งของอนิเมชั่น, เพิ่มแพ็กเกจโฆษณา ซึ่งทั้งหมดก็ต้องทำเพื่อลดต้นทุน เพิ่มรายได้ควบคู่ไปกับการโกยสมาชิก ซึ่งสิ้นปีแพลตฟอร์มก็ปิดด้วยจำนวนสมาชิก 230 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

เน็ตฟลิกซ์ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ สามารถปิดปีด้วยสมาชิกมากกว่า 230 ล้านรายทั่วโลก โดยในไตรมาส 4 จำนวนสมาชิกของแพลตฟอร์มเติบโตมากถึง 7.66 ล้านราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเติบโตเพียง 4.57 ล้านราย เนื่องจากคอนเทนต์ใหม่ ๆ อาทิ สารคดีของ Harry & Meghan และซีรีส์เรื่อง Wednesday นั้นช่วยดึงดูดสมาชิกใหม่ ๆ

“ปี 2565 เป็นปีที่ยากลำบาก ด้วยการเริ่มต้นที่ไม่ราบรื่นแต่จบลงด้วยดี” บริษัทระบุในจดหมายที่ประกาศผลประกอบการ

ในส่วนของรายได้ของไตรมาส 4 อยู่ที่ 7.85 พันล้านดอลลาร์ เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเน็ตฟลิกซ์ ย้ำว่า จำนวนผู้ใช้ใหม่ไม่ใช่เกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการประเมินสถานะของบริษัทอีกต่อไป แต่รายได้จะเป็นตัวชี้วัดหลักแทนซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้รายได้ของแพลตฟอร์มเป็นไปตามเป้าก็คือ แพ็กเกจโฆษณาที่มีราคาถูกลง ทำให้ผู้บริโภคสามารถสมัครสมาชิกได้แม้จะเจอกับสภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

หลังจากพาแพลตฟอร์มผ่านปีที่ยากลำบาก Reed Hastings ผู้ร่วมก่อตั้งเน็ตฟลิกซ์ ก็ได้ประกาศว่า เตรียมก้าวลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของเน็ตฟลิกซ์ ถือเป็นการ ปิดฉากการทำงาน 25 ปี ที่ทรานส์ฟอร์มตัวเองจากบริการเช่าดีวีดีไปสู่แพลตฟอร์มด้านความบันเทิงชั้นนำของโลก สำหรับผู้ที่จะมากุมบังเหียนแพลตฟอร์มต่อจาก Reed Hastings คือ Greg Peters ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท และ Ted Sarandos ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเนื้อหา ที่จะร่วมกันนั่งในตำแหน่งซีอีโอ

ที่ผ่านมา บอร์ดบริหารของเน็ตฟลิกซ์ได้หารือกันเรื่องการวางแผนสืบทอดตำแหน่งมาหลายปีแล้ว โดย Reed Hastings เคยโพสต์ติดตลกว่า “แม้แต่ผู้ก่อตั้งก็ยังต้องพัฒนา!” และการส่งไม้ต่อให้คนเก่ง ๆ เป็นบทบาทของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Jeff Bezos จาก Amazon และ Bill Gates จาก Microsoft

Source