ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และยืนยันว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลงมาให้ได้ แถมยังเตือนว่าในปี 2023 นี้อาจยังไม่ได้เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีกด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% โดยจะทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้นอยู่ในช่วง 4.50% ถึง 4.75% ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ของ Fed ถือว่าต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมาที่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
การประกาศขึ้นดอกเบี้ยในคราวนี้ตามหลังมาจากการประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาส 4 และเต็มปีของปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งหลายตัวเลขทางเศรษฐกิจถือว่าแข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจสหรัฐก็เริ่มแสดงให้เห็นความอ่อนแอบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐฯ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ยังยืนยังถึงการนำตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกลับมาตามเป้าที่ 2% ให้ได้ ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ล่าสุดนั้นปรับตัวลดลงมาเหลือ 6.5%
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงมากกว่าการประกาศชัยชนะว่าปราบเงินเฟ้อได้ และเขายังยืนยันว่าภารกิจการปราบเงินเฟ้อยังไม่หมดไป โดยคาดการณ์จากธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้นมองว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะแตะ 5% ในสิ้นปี 2023
นอกจากนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่าจะยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าแนวโน้มเงินเฟ้อจะลงลง
สำหรับมุมมองสถาบันการเงินในสหรัฐฯ อย่าง Bank of America มองว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งหลังจากนี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะอยู่ในช่วง 5-5.25% ในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ดีสถาบันการเงินรายนี้ก็มองว่ามีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในช่วงเดือนมีนาคม