Frasers Property ตั้งเป้าปี 2025 ขึ้น Top 5 แบรนด์อสังหาฯ ไทย ชูกลยุทธ์ Real Estate as a Service มัดใจลูกค้า

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ประกาศเป้าภายในปี 2025 ขึ้นแท่น Top 5 แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ในไทย หลังจากได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังชูกลยุทธ์ Real Estate as a Service มัดใจกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มของบริษัท รวมถึงนำเรื่อง ESG เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจด้วย

ธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงทิศทางของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าหลังจากนี้ หลังจากบริษัทได้รวมธุรกิจของอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละบริษัท (เช่น Golden Land หรือแม้แต่ TICON) เข้ามาภายใต้ชายคาเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยในช่วงที่ผ่านมา

เขาได้กล่าวถึงธุรกิจของบริษัทแม่ก็คือ Fraser Property ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ TCC Group ว่าปัจจุบันมีทรัพย์สินในการบริหารราวๆ 1 ล้านล้านบาทอยู่ใน 22 ประเทศทั่วโลก และทำให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ได้เรียนรู้การทำธุรกิจจากต่างประเทศผ่านบริษัทแม่ด้วย

และเขายังย้ำว่าประเทศไทยเป็น Strategic Location สำคัญของ Fraser Property อีกด้วย

เศรษฐกิจไทยยังมีความท้าทายในปีนี้

ธนพลมองว่าประเทศไทยยังมีความท้าทาย และต้องเดินหน้าทางธุรกิจแบบระมัดระวัง โดยปัจจัยสำคัญคือเรื่องเงินเฟ้อ แล้วก็การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละประเทศ เขาได้กล่าวถึงการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากประเด็นของเงินเฟ้อนั้นอาจกระทบกับบริษัท

เขายังกล่าวเสริมว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางรวมถึงแบงก์ชาติของไทยทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้บริษัทต้องระมัดระวังมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้เขายังชี้ว่าคู่แข่งทางธุรกิจก็เพิ่มมากขึ้น หลายธุรกิจเริ่มหันมาทำธุรกิจแข่งกับบริษัทเช่นกัน

มองแต่ละธุรกิจนั้นมีช่วงเวลาดี-แย่ ต่างกันไป

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ได้กล่าวว่าธุรกิจของบริษัทที่ประกอบไปด้วย 3 ธุรกิจย่อยๆ ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม รวมถึง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมนั้นมีช่วงเวลาดี-แย่ต่างกันไป

โดยกลุ่มที่กำลังได้รับผลดีนั้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมนั้นได้รับผลดีจากการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามา จากช่วงก่อนหน้านี้ขณะที่กลุ่มสำนักงานให้เช่าอาจมีช่วงเวลาที่ดี แต่ก็พบกับคู่แข่งที่เข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมได้รับผลดีจากตลาด E-commerce บูม แต่ก็กำลังจะเป็นจุดสูงสุด

ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยนั้น สินค้าอย่างบ้านเดี่ยวกำลังกลับมาเติบโตอีกครั้ง ขณะที่กลุ่มทาวน์โฮมนั้นเพิ่งจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด เนื่องจากปัญหาการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินและหนี้ในครัวเรือน

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัทในปี 2023 นี้

เป้าธุรกิจในปี 2023 นี้

ธนพลได้กล่าวถึงแต่ละธุรกิจในปี 2023 ในแต่ละกลุ่มธุรกิจของบริษัท

  1. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บริษัทเตรียมที่จะขยายธุรกิจไปยังบ้านเดี่ยวราคา 60-120 ล้านบาท รวมถึงบุกตลาดคอนโดมีเนียมแบบโลว์ไรส์ ราคาราวๆ 3-5 ล้านบาท
  2. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ลูกค้าอีกราวๆ 150,000 ตารางเมตร รวมถึงเมืองอุตสาหกรรมพื้นที่มากถึง 4,600 ไร่ในจังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงกลางปีนี้
  3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม เตรียมเปิดตัว Silom Edge ในช่วงไตรมาส 2

ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 75% รองลงมาคืออสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมอยู่ที่ 17% และอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมที่ 8%

ผลักดัน Real Estate As A Service เพิ่มคุณค่าให้กับแต่ละโครงการ

นอกจากนี้ในแผนปี 2025 ทางบริษัทยังมีกลยุทธ์ Real Estate As A Service มาใช้ในทุกธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ เช่น ด้านความปลอดภัยมีระบบแสกนใบหน้า ระบบอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการจอดรถยนต์ เป็นต้น หรือแม้แต่การจับมือกับพาร์ตเนอร์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อช่างอาคาร เป็นต้น

ขณะที่อสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมรวมถึงอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมก็จะมีโมเดลในเรื่องของความยืดหยุ่น ลูกค้าสามารถจ่ายเงินได้ตามการใช้งานที่ต้องการ เช่น ในกรณีการใช้คลังสินค้าก็มีการคิดค่าใช้จ่ายทั้งแบบการใช้รายครั้ง ไปจนถึงการใช้งานตามพาเลทของสินค้า

อสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมรวมถึงอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม จะมีสัดส่วนต่อรายได้รวมของบริษัทเพิ่มมากขึ้นในปี 2025

แผนงานบริษัทหลังจากนี้

ธนพลยังได้กล่าวถึงแผนงานของบริษัทเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าของปี 2025 นั้นประกอบไปด้วย

  1. Peopleด้วยเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็น Employer of Choice หรือบริษัทที่คนอยากร่วมงานด้วย บริษัทได้มุ่งดูแลพนักงานซึ่งเป็นหัวใจหลักขององค์กร เพื่อเพิ่มความสามารถและขยายศักยภาพ ควบคู่กับการสนับสนุนให้ทุกคนในองค์กรมีเส้นทางการเติบโตในอาชีพอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการลาไปดูแลลูก หรือแม้แต่การลาไปผ่าตัดแปลงเพศ การทำงานแบบ Flexible มากขึ้น รวมถึงการทำให้พนักงานรวมถึงครอบครัวมีความภูมิใจในงานที่ทำ เช่น จดหมายจาก CEO เป็นต้น
  2. Planet – ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นและคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ซึ่งธนพลมองว่าเรื่องนี้มีอิทธิพลในการทำธุรกิจมากขึ้น และลูกค้าหลายรายเริ่มต้องการสิ่งนี้ โดยเฉพาะลูกค้าจากฝั่งตะวันตก ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการไปในหลายด้าน เช่น ความพยายามในการปรับปรุงอาคารให้ได้อาคารสีเขียว การสร้างสัมพันธ์กับชุมชน เป็นต้น
  3. Purpose – เพิ่มเติมจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ และสร้างแบรนด์ให้คนจดจำ

สร้างแบรนด์ติด Top 5 ให้ได้ภายในปี 2025

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) มองว่าที่ผ่านมาจากผลสำรวจแบรนด์อสังหาฯ ไม่ค่อยมีใครนึกถึงเฟรเซอร์สฯ เท่าไหร่นัก และจะเริ่มสร้างแคมเปญให้ผู้บริโภคนึกถึงแบรนด์ของบริษัทเพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้

ขณะที่รายได้นั้นในเป้าหมายปี 2025 เขามองว่าบริษัทจะเติบโตได้เฉลี่ยปีละ 15% มองถึงความยั่งยืนและคุณภาพของรายได้เป็นหลัก

นอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมรวมถึงอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะบาลานซ์รายได้ให้กับบริษัท ซึ่งปัจจุบันเขาชี้ว่ารายได้ของคลังสินค้าบางแห่งนั้นมากกว่ารายได้ของ Office ให้เช่าบางโครงการด้วยซ้ำ

ธนพลได้กล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าว่าต้องการให้บริษัทเป็น Top 5 แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ภายในปี 2025 และต้องการมีมูลค่าของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาทหลังจากนี้ด้วย