ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปีนี้ในประเทศไทยจะสูงเกือบ 50,000 คัน และครองสัดส่วนไม่น้อยกว่า 5.8% จากยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในประเทศไทย และในบทวิเคราะห์ยังชี้ว่าแบรนด์ที่จะครองใจชาวไทยได้นั้นต้องมีปัจจัยหลายอย่างประกอบ รวมถึงบริการหลังการขายและการซ่อมบำรุงที่ดีเยี่ยม
ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเพิ่มมากขึ้น ในบทวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยหลักคือการสนับสนุนจากภาครัฐ ขณะเดียวกันค่ายรถยนต์ไฟฟ้าบุกตลาดในประเทศไทยมากขึ้นในช่วงท่ีผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทาง Tesla หรือแม้แต่แบรนด์จีน เช่น BYD ฯลฯ รวมถึงแบรนด์จากเกาหลีใต้ ซึ่งผู้ผลิตต่างๆ ได้ส่งรถยนต์ไฟฟ้าหลายประเภทเข้ามาตีตลาดในไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนลดลงส่งผลทำให้บริษัทต่างๆ ส่งรถออกมาทำตลาดในไทยมากขึ้น และยังคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตจากจีนจะสูงถึง 85% ในปีนี้
ขณะที่ปัจจัยเสริมอื่นๆ ในรายงานชี้ไว้ เช่น การเร่งกระจายจุดชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งาน เป็นต้น
สำหรับยอดขายรถยนต์รวมในปี 2023 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 865,000-895,000 คัน โดยสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่น้อยกว่า 5.8%
ทางด้านปัจจัยกดดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ในรายงานชี้ถึงหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้ายังอยู่ระหว่างการพัฒนา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหลังมีการเคลมปัญหาชิ้นส่วนและการใช้งานบ่อยขึ้น รวมถึงประเด็นการรออะไหล่ที่ยาวนานเนื่องจากยังไม่มีฐานการผลิตในไทย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังชี้ว่า ในระยะถัดไปการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อหลายค่ายรถยังรุกตลาดต่อเนื่องและผู้บริโภคมีข้อมูลใหม่ๆ ถึงประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มองว่าค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่จะประสบความสำเร็จในไทยอาจต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง มีการลงทุนเรื่องการบริการหลังการขาย การซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่ได้รวดเร็ว