SC ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี 150,000 ล้านบาท ไฮไลต์ปี’66 ขายบ้านสุดหรูหลังละ 150 ล้านที่ “95E1”

SC ปี 2566
  • แผน 5 ปีหลังผ่านพ้นโควิด-19 ของ “เอสซี แอสเสท” ตั้งเป้ารายได้สะสม 5 ปี (2566-2570) แตะ 150,000 ล้านบาท เดินหน้ากระจายแหล่งรายได้จากที่พักอาศัย 80% และรายได้ประจำจากธุรกิจอื่นอีก 20%
  • ปี 2566 ผ่อนการเปิดโครงการเล็กน้อย โดยจะเปิดตัวทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท
  • ไฮไลต์โครงการปีนี้ เอสซีฯ จะเปิดขายบ้านที่แพงที่สุดที่เคยทำมาในโครงการ “95E1” (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) หลังที่แพงที่สุดสนนราคา 150 ล้านบาท

หลังพ้นช่วงที่ยากลำบากในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดโรดแมป 5 ปี (2566-2570) ที่จะ “Thriving Beyond” ตั้งเป้าภายใน 5 ปีบริษัทจะมีรายได้สะสม 150,000 ล้านบาท และต้องเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะแบ่ง 80% เป็นการลงทุนในกลุ่มที่พักอาศัยเพื่อขาย (บ้าน-คอนโดมิเนียม) กับอีก 20% ลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่ให้รายได้ประจำ (recurring income) เพื่อกระจายความเสี่ยง

ภาพระยะ 5 ปีของบริษัท จะมีการลงทุนเฉลี่ยปีละ 25,000 ล้านบาท และกระจายไปในสองกลุ่มธุรกิจในอัตราส่วน 80:20 ทุกปี

“ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC)

“เศรษฐกิจไทยมองไปยาวๆ คงยาก แต่คิดว่าปีนี้ 2566 น่าจะเติบโตได้ดี จากที่ทุกสำนักวิเคราะห์ประเมินจีดีพีไทยจะโต +3% ขึ้นไปทั้งหมด เนื่องจากการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว และปีนี้จะมีการเลือกตั้งด้วย ซึ่งจะช่วยให้คนกลับมามีความหวังกับเศรษฐกิจ” ณัฐพงศ์กล่าว

“ส่วนตลาดโดยรวมของภาคอสังหาฯ เชื่อว่าจะเป็นปีที่ดีเช่นกัน เพราะตลาดราคาบ้านเกิน 10 ล้านบาทมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง และตลาดคอนโดฯ จะฟื้นตัวกลับมา พร้อมกับกำลังซื้อต่างชาติที่เข้ามาเสริม อย่างไรน่าจะเป็นปีที่ดีกว่าช่วง 3 ปีที่เผชิญโควิด-19 แน่นอน”

 

เปิดตัวลดลง ยังคงเน้นกลุ่มแนวราบเป็นหลัก

สำหรับแผนปี 2566 เอสซี แอสเสท ตั้งเป้าหมายในแต่ละด้าน ดังนี้

  • เป้าหมายยอดขาย 30,000 ล้านบาท (เติบโต 23%)
  • เป้าหมายรายได้ 25,000 ล้านบาท (เติบโต 16%)
  • เป้าหมายเปิดตัวโครงการ 25 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท
แผนเอสซี แอสเสทฯ ปี 2566

การเปิดตัวในปีนี้ ณัฐพงศ์กล่าวว่ามีการลดการเปิดตัวลงเล็กน้อย จากปีก่อนเปิดไป 27 โครงการ มูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าขณะนี้ SC มีสต็อกสินค้าขายทั้งหมดร่วม 90,000 ล้านบาท และปีที่แล้วเป็นปีที่กลับมาเปิดโครงการสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มสต็อกขายสูงจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม ทั้งยอดขายและรายได้เชื่อว่าจะเติบโตแบบดับเบิลดิจิต ด้วยตลาดที่ฟื้นกลับมา และบริษัทจะยังคงเน้นการเป็นผู้นำในตลาดบ้านราคาเกิน 10 ล้านบาท

ในแผนการเปิดตัวโครงการทั้งหมด จะแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 22 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท และคอนโดฯ 3 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท เห็นได้ว่า SC เน้นแนวราบเป็นหลัก

SC ปี 2566
ปักหมุดทำเลคร่าวๆ ที่เอสซี แอสเสทฯ จะเปิดตัวในปี 2566

 

ไฮไลต์โครงการ: ‘95E1’ บ้านสุดหรูร้อยล้าน

สำหรับโครงการไฮไลต์ในกลุ่มแนวราบปีนี้ SC จะมีการเปิดขายคฤหาสน์ระดับ ‘Ultimate Luxury’ ในโครงการ ‘95E1’ (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) ทำเลเลียบด่วนรามอินทรา เนื้อที่ 4 ไร่ แบ่งแปลงเพียง 10 หลังเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท สูงสุด 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านที่แพงที่สุดที่เคยพัฒนามา โดยปี 2567 คาดว่าจะมีโครงการแบบนี้อีก 2 ทำเล

โครงการนี้บริษัทใช้วิธีออกแบบร่วมกับลูกค้า คือมีการวางโครงแบบไว้บางส่วนแต่สามารถปรับแต่งแบบตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งจะตอบโจทย์ลูกค้าที่มีกำลังซื้อในระดับบ้านร้อยล้านมากกว่าการออกแบบบ้านสำเร็จรูป

แบบบ้านจำลองของ 95E1 เลียบด่วนรามอินทรา

ส่วนอีกไฮไลต์หนึ่งคือการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ “บ้านเกมเมอร์” ภายในโครงการ “Venue ID มอเตอร์เวย์-พระราม 9” ราคาเริ่ม 14.29 ล้านบาท บ้านไทป์ใหม่นี้เกิดจากการออกแบบร่วมกับเกมเมอร์ตัวจริง 2 รายคือ Willcomeback กับ MNJ TV เพื่อให้ได้บ้านที่มีฟังก์ชันตรงกับวิถีชีวิตแบบเกมเมอร์, สตรีมเมอร์, คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ซึ่งไม่เหมือนกับอาชีพอื่นทั่วไป

แบบบ้านพิเศษนี้ถือเป็นการต่อยอดจากไทป์ “บ้านคนโสด” ที่ได้รับการตอบรับดี ทำให้เห็นว่าการมีแบบบ้านพิเศษเฉพาะกลุ่มถือว่ามาถูกทาง และโปรเจ็กต์ถัดไปของการเจาะตลาดนี้ SC กำลังพัฒนา “แบบบ้านของคน Introvert กับ Extrovert”

แบบบ้านใหม่ “บ้านเกมเมอร์” ออกแบบให้ตรงวิถีชีวิตการทำงานของสายคอนเทนต์ ครีเอเตอร์

 

คอนโดฯ แบรนด์ใหม่เจาะกลุ่ม “Gen Z”

ในขณะที่คอนโดมิเนียม 3 แห่งในปีนี้ จะมี 2 แห่งที่เป็น “แบรนด์ใหม่” ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ “Gen Z” โดยเฉพาะ โดยจะเน้นฟังก์ชันส่วนกลางขนาดใหญ่ มีพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันหลากหลาย เช่น Co-Living, Co-Cooking และเน้นเรื่องการประหยัดพลังงาน ดีต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่คน Gen Z ใส่ใจ

คอนโดฯ แบรนด์ใหม่ 2 แห่งจะเปิดในทำเล MRT ศูนย์วัฒนธรรม และ เกษตร-ศรีปทุม ราคาเฉลี่ย 100,000-120,000 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่ม 2 ล้านกว่าบาทต่อยูนิต

คอนโดฯ แบรนด์ใหม่ คอนเซปต์ใหม่ เน้นเจาะกลุ่ม Gen Z

ส่วนอีกแห่งหนึ่งจะเป็นกลุ่มลักชัวรีคือ “SCOPE ประสานมิตร” ราคาเฉลี่ย 250,000-280,000 บาทต่อตร.ม. เน้นฟังก์ชันห้องชุดขนาดใหญ่ อยู่จริงได้ทั้งครอบครัว และมีบริการระดับพรีเมียม ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาทต่อยูนิต

 

‘engine 2’ ลุยธุรกิจคลังสินค้า

ในส่วน ‘engine2’ หรือเครื่องยนต์ที่สองที่จะมาเสริมรายได้ให้ เอสซี แอสเสท ขณะนี้ 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่บริษัทลงทุน ได้แก่ ออฟฟิศ, โรงแรม และคลังสินค้า

ปีนี้ออฟฟิศของ SC ที่มีพื้นที่เช่ารวม 120,000 ตร.ม. จะมีการรีโนเวตบางส่วนให้ตอบรับกระแสการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้น

โรงแรม YANH ราชวัตร เริ่มเปิดบริการเดือนมีนาคม 2566

ส่วนโรงแรมมีทั้งหมด 3 โครงการที่พร้อมให้บริการหรือมีแผนการลงทุนแล้ว ได้แก่

  • YANH (ย่าน) ราชวัตร – โรงแรมขนาดเล็ก มูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท ในคอนเซปต์ workation ราคาคืนละ 1,800-1,900 บาท เริ่มเปิดบริการแล้ว
  • โรงแรมทำเลสุขุมวิท 29 มูลค่าลงทุน 2,500 ล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจาแบรนด์บริหาร คาดจะเปิดบริการปี 2568
  • โรงแรมทำเลพัทยา (ยังไม่ระบุงบลงทุน) อยู่ระหว่างเจรจาแบรนด์บริหาร คาดจะเปิดบริการปี 2569

ขณะที่อีกส่วนสำคัญคือธุรกิจคลังสินค้า ซึ่งปี 2565 เอสซี แอสเสท ได้ประกาศความร่วมมือกับ Flash Express เพื่อจะเป็นผู้ลงทุนสร้างคลังสินค้าให้เช่าแก่ Flash Express คาดปีนี้จะเริ่มให้บริการคลังสินค้าได้ 150,000 ตร.ม. และมีเป้าหมายเพิ่มไปแตะ 1 ล้านตร.ม. ภายในปี 2573

“ตลาดคลังสินค้ายังเป็นธุรกิจผู้เล่นน้อยราย แต่มีศักยภาพที่จะโตสูงมาก เพราะจีนมีนโยบาย ‘China +1’ หมายถึงธุรกิจจีนต้องมีการกระจายความเสี่ยง ลงทุนในจีนและในต่างประเทศเพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือก ทำให้เราสนใจธุรกิจนี้” ณัฐพงศ์กล่าว