ไม่กระทบแค่ในประเทศ! วิกฤต “Silicon Valley Bank” ลามไกลถึง “สตาร์ทอัพจีน”

ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาคงจะเห็นข่าวการปิดตัวของ Silicon Valley Bank หรือ SVB ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นการลงทุนและปล่อยกู้ให้แก่สตาร์ทอัพ และการล่มสลายของธนาคาร SVB นี้เองได้ส่งผลกระทบต่อสตาร์ทอัพทั่วโลก รวมถึง ประเทศจีน ด้วย

หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ปิดธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นการลงทุนและปล่อยกู้ให้แก่สตาร์ทอัพ ก็ได้ส่งผลกระทบไกลถึงสตาร์ทอัพของจีน โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

โดยผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีรายหนึ่งของจีนที่ไม่เปิดเผย ระบุว่า สาเหตุที่ SVB เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่สตาร์ทอัพจีนนิยมใช้บริการก็เพราะ SVB อนุญาตให้ธุรกิจสตาร์ทอัพ เปิดบัญชีออนไลน์ผ่านการใช้หมายเลขมือถือของประเทศจีนได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าใช้ธนาคารกระแสหลัก เช่น Standard Chartered, HSBC, Citi มีการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและใช้เวลานานในการเปิดบัญชีธนาคารกับพวกเขา อาจใช้เวลานานถึง 3-6 เดือน

นอกจากนี้ แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฟินเทคและบริษัทเทคโนโลยีอีก 2 แห่ง ได้เปิดเผยว่า ผู้ร่วมทุนชอบทำงานกับ SVB เพราะธนาคารอนุญาตให้นักลงทุนเห็นและรองรับการใช้เงินทุนของสตาร์ทอัพ

“หากไม่มี SVB จะส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพราะไม่มีธนาคารอื่นใดที่มีคุณสมบัติทั้งสองนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีที่รวดเร็วสำหรับสตาร์ทอัพและการเห็นการใช้เงินทุนสำหรับผู้ร่วมทุน”

ดังนั้น การที่มีบัญชีธนาคารกับ SVB ทำให้ บริษัทสตาร์ทอัพในจีนสามารถแตะเงินทุนจากนักลงทุนในสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น แม้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ จะเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการเข้าทำ IPO ของบริษัทจีน อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดในทันทีว่ามีบริษัทสตาร์ทอัพในจีนจำนวนเท่าใดที่มีบัญชี SVB แต่แหล่งข่าวได้ระบุว่า บริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งในจีนที่มีการระดมทุนแบบ VC ของสหรัฐฯ จะมีบัญชีธนาคารที่ SVB

Source