ย้อนไปปี 2022 ตลาด ‘NFTs’ หรือ Non-fungible token กลายเป็นกระแสที่มารุ่งพุ่งแรง โดยเติบโตถึง 21,000% มีมูลค่าตลาดทะลุ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเทรนด์ที่หยิบงานศิลป์มาเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบ NFTs อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเพียงปีเดียวเท่านั้น ตลาด NFTs ก็ดิ่งวูบ กลับกัน ตลาดการประมูลงานศิลป์ยังคงเติบโต แม้ว่าเศรษฐกิจจะถดถอย
รายงานของ Artprice บริษัทผู้จัดประมูลงานศิลปะในฝรั่งเศส เปิดเผยว่า การประมูลงานศิลปะในปี 2023 ทำสถิติสูงสุด โดยมีงานศิลปะ กว่าล้านชิ้นถูกนำออกประมูลเป็นครั้งแรก ในปีที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะซบเซาก็ตาม กลับกันในตลาด NFTs ที่ใช้แสดงถึงความเป็นเจ้าของในงานศิลปะดิจิทัล กลับมียอดขาย ลดลง 94% เหลือ 13.9 ล้านดอลลาร์
ในงานศิลปะจำนวนกว่า 1 ล้านชิ้นที่ถูกประมูล สามารถประมูลได้ถึง 704,747 ชิ้น โดยมี 6 ชิ้น ที่ปิดประมูลไปในมูลค่าเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,500 ล้านบาท) โดยงานศิลปะที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดคือ ภาพวาด
“ปัญหาเศรษฐกิจของโลกไม่มีผลกระทบต่อตลาดการประมูลงานศิลปะ และแน่นอนว่าสำหรับผลงานชิ้นเอกของประวัติศาสตร์ศิลปะปี 2022 มีการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าที่เคยเป็นมา”
แม้จะมีจำนวนชิ้นในการประมูลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่รายได้จากการประมูลงานศิลปะทั่วโลกลดลงเล็กน้อยจาก 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์เหลือ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของตลาดจีน ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของ COVID-19
ส่วนยอดขายในตลาด นิวยอร์ก เติบโตขึ้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ จากยอดขายผลงานชิ้นเอกหลายชิ้นจากคอลเล็กชั่นส่วนตัวของ Paul Allen ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft เช่น Cezanne, Van Gogh และ Monet นอกจากนี้ ภาพเหมือนของ มาริลีน มอนโร เซ็กซ์ซิมโบลระดับตำนานของวงการฮอลลีวูดที่วาดโดย Andy Warhol สามารถปิดประมูลไปที่ 195 ล้านเหรียญสหรัฐ และถือเป็นผลงานศิลปะของชาวอเมริกันที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติการณ์
ขณะที่ผลงานของ ปิกัสโซ ยังคงเป็นศิลปินที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ผลงานของเขาสร้างรายได้ 494 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“เมื่อ 20 ปีที่แล้ว การขายงานศิลปะต้องใช้เวลาหลายเดือน วันนี้ขายได้ภายในไม่กี่วัน” เธียร์รี เออร์มันน์ หัวหน้าของ Artprice กล่าว
ในส่วนของตลาด NFTs แม้จำนวนจะเพิ่มขึ้นจาก 284 เป็น 373 รายการ แต่ผลงานส่วนใหญ่ถูกซื้อในราคาที่ ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยสาเหตุที่ NFTs ไม่ได้รับความนิยมส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดคริปโตฯ ที่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ตลาดศิลปะยังคงถูกขับเคลื่อนโดยตลาด สหรัฐอเมริกา จีน และอังกฤษ ซึ่งรวมกันแล้วคิดเป็น 81% ของยอดขายทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกากลับมาครองตำแหน่งสูงสุดด้วยมูลค่า 7.34 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 44% ของตลาดทั้งหมด