ยักษ์ใหญ่วิดีโอสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ได้เตรียมเปิดระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่านในไตรมาส 2 หลังทยอยเปิดใช้ระบบดังกล่าวในหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น และมองว่ารายได้บริษัทจะลดลงในระยะสั้นจากความไม่พอใจนี้ แต่ก็มองว่าจำนวนสมาชิกจะกลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากนี้
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของ Netflix ยักษ์ใหญ่วิดีโอสตรีมมิ่ง บริษัทได้แจ้งกับนักลงทุนว่า เตรียมที่จะเปิดระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่านในไตรมาส 2 ในหลายประเทศ รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย หลังจากที่บริษัทได้ทดลองระบบดังกล่าวใน 5 ประเทศโซนอเมริกาใต้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง รวมถึงแคนาดา โปรตุเกส นิวซีแลนด์ สเปน เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ Netflix ได้กล่าวว่าบริษัทจะใช้ระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่านในไตรมาส 1 ที่ผ่ามา อย่างไรก็ดีในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยก็ยังไม่มีการเปิดใช้ระบบป้องกันดังกล่าวแต่อย่างใด แต่บริษัทได้ชี้แจงว่าพอใจในการดำเนินการดังกล่าว และค่อยขยายไปในหลายประเทศก่อน
โดย Netflix คาดว่ามีผู้แชร์รหัสผ่านมากกว่า 100 ล้านครัวเรือนทั่วโลก และมองว่ามาตรการดังกล่าวอาจกระทบกับผลประกอบการของบริษัทในระยะสั้นเท่านั้น
สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องใช้มาตรการดังกล่าว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผู้ใช้งานของ Netflix เริ่มอิ่มตัวมากขึ้น จำนวนลูกค้าไม่เติบโตเหมือนในอดีต ขณะเดียวกันก็ยังมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น เช่น HBO MAX ไปจนถึง Disney+ ที่คู่แข่งเหล่านี้พร้อมแย่งชิงลูกค้าจากบริษัท ส่งผลทำให้ Netflix ต้องหันหลังกับนโยบายแชร์รหัสผ่าน ซึ่งบริษัทเคยสนับสนุนมาก่อนหน้านี้
นอกจาก Netflix จะออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่าน ไม่ว่าจะเป็นการปลดพนักงานบางส่วน นอกจากนี้บริษัทได้หาทางที่จะทำให้จำนวนของสมาชิกที่ใช้บริการนั้นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแพ็กเกจมีโฆษณาซึ่งราคาถูกกว่าปกติ เพื่อที่จะได้สมาชิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
สำหรับไตรมาส 1 ของปี 2023 นั้น Netflix มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,162 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไร 1,305 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในไตรมาสนี้บริษัทมีสมาชิกจำนวน 232.50 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4.9%
อย่างไรก็ดีสำหรับมาตรการดังกล่าวนี้ บริษัทชี้แจงว่าแม้จะมีการใช้ระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่าน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีลูกค้าสมัครแพ็กเกจที่สามารถแชร์รหัสผ่านเพิ่มเติมกลับมา โดยบริษัทได้ยกกรณีของประเทศแคนาดาที่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวนมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ