Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวกับนักลงทุนในช่วงการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 1 ของปี 2023 ว่า บริษัทจะเน้นการทำยอดขายมากกว่าการทำกำไรของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
เขากล่าวว่า “จะเป็นการดีกว่าถ้าหากบริษัทสามารถขายรถยนต์แม้จะมีอัตราส่วนกำไรที่ต่ำ และเก็บเกี่ยวกำไรที่สูงมากขึ้นในอนาคต” ขณะเดียวกันเขาก็ยังกล่าวเสริมว่า “ด้วยสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้เป็นการยากที่จะคาดการณ์เกี่ยวกับตัวเลขกำไร”
สำหรับกำไรในระยะยาวของ Tesla ที่ Elon Musk ชี้ก็คือบริการสมาชิกสำหรับการใช้สถานีชาร์จ ระบบขับเคลื่อนรถยนต์โดยอัตโนมัติ รวมถึงบริการอื่นในอนาคต ที่เขามองว่าเส้นทางกำไรสูงยังรออยู่
ช่วงที่ผ่านมา Tesla ได้ปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทหลายรุ่น และมีการปรับราคาลดลงหลายครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นมา โดยกลยุทธ์ดังกล่าวทำเพื่อปกป้องบริษัทจากการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา รวมถึงจีน
ขณะเดียวกันบริษัทยังวางแผนที่จะลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทลงในออสเตรเลีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ยุโรป รวมถึงในญี่ปุ่นด้วย
อย่างไรก็ดีหัวเรือใหญ่ของ Tesla เองได้กล่าวว่าการลดราคารถยนต์ไฟฟ้านั้นเพื่อที่จะทำให้คนเข้าถึงได้จำนวนมาก จากปริมาณการผลิตของบริษัทที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมองว่าบริษัทไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นสงครามราคาแต่อย่างใด
ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ Tesla มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทอยู่ที่ 19,963 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 18% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 2,931 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดีอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสนี้อยู่ที่ 11.4% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา
โดยเป้าหมายของ Tesla ในปีนี้คือสามารถส่งมอบรถยนต์ให้ได้ 1.8 ล้านคัน และมองว่าในอนาคตบริษัทจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตรากำไรดีที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้วย
นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าลงให้ได้ครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแร่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงการคิดค้นแบตเตอรี่ชนิดใหม่ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิต ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทได้รายงานถึงต้นทุนการผลิตที่สูงมากขึ้นจากราคาวัตถุดิบด้วย