ราคาน้ำมันมะกอกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผู้ผลิตชั้นนำในสเปนประสบปัญหาภัยแล้งเป็นเวลานาน และคาดว่าราคาน้ำมันมะกอกที่สูงจะยังคงอยู่ต่อไปอีก ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติในเร็ว ๆ นี้
Kyle Holland นักวิเคราะห์เมล็ดพืช และน้ำมันจากพืชของ Mintec กล่าวว่า ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยเฉพาะในประเทศ สเปน ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่เจอภาวะภัยแล้งเป็นเวลานาน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคา น้ำมันมะกอก พุ่งสูงขึ้น
“ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันมะกอกมีแนวโน้มสูงเกือบเป็นประวัติการณ์ส่วนใหญ่มาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและช่วงเวลาที่แห้งแล้งอย่างรุนแรงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ที่สำคัญที่สุดคือในสเปน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำมันมะกอกรายใหญ่” Kyle Holland กล่าว
โดยปกติแล้ว ต้นมะกอกเติบโตในสภาพอากาศที่อบอุ่นและแห้ง และอุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ระหว่าง 60 ถึง 80 องศาฟาเรนไฮต์ แต่สเปนมีสภาพอากาศที่ “แห้งมาก” ในเดือนมีนาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อเดือนเพียง 36% ขณะที่ประเทศได้ประสบปัญหาปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 36 เดือนติดต่อกัน
ผลจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่หนัก ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวมะกอกในเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ให้ผลผลิตน้อยกว่าผลผลิตปกติถึง 50% ส่งผลให้อุปทานทั่วโลกตึงตัวและดันราคาให้สูงขึ้น และหากสภาพอากาศไม่ดีขึ้น การเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึงอาจเผชิญกับผลผลิตที่แย่ลงไปอีก
“สภาพอากาศที่ย่ำแย่ทำให้สเปนผลิตน้ำมันมะกอกได้ประมาณ 630,000 เมตริกตัน ลดลงจากปกติที่เก็บเกี่ยวได้ 1.4 ถึง 1.5 ล้านเมตริกตัน”
David Valmorbida ประธานสมาคมน้ำมันมะกอกแห่งออสเตรเลีย (Australian Olive Oil Association) กล่าวกับ CNBC ว่า ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุโรป ซึ่งสำคัญที่สุดในภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันมะกอกที่ใหญ่ที่สุดของสเปน ได้ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันมะกอกทั่วโลก
กลับกัน ความต้องการน้ำมันมะกอกมีมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากผู้บริโภครับประทานอาหารและทำอาหารที่บ้านบ่อยขึ้นในระหว่างและหลังการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยิ่งไปกว่านั้น การขาดแคลนน้ำมันทานตะวันหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
“การปะทุของสงครามในยูเครน ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันดอกทานตะวันทั่วโลก ทำให้ความต้องการน้ำมันมะกอกเพิ่มมากขึ้นไปอีก”