แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งรายใหญ่อย่าง Disney+ ล่าสุดในไตรมาสที่ผ่านมายังเสียสมาชิกมากถึง 4 ล้านราย อย่างไรก็ดีรายได้กลับเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะปรับราคารวมถึงออกแพ็กเกจใหม่แบบมีโฆษณา เพื่อที่จะหารายได้เพิ่มขึ้น
Walt Disney ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด โดยสิ่งที่น่าสนใจในไตรมาส 1 นี้นั้นบริษัทได้สูญเสียสมาชิกแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ รวมทั่วโลกไปมากถึง 4 ล้านราย
โดยลูกค้าที่หายไปนั้นมาจาก แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ Hotstar ส่วนสมาชิกของ Disney+ นั้นกลับเพิ่มขึ้น 600,000 ราย อย่างไรก็ดี รวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการขาดทุนลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา
หลังจากนี้บริษัทเตรียมรวมบริการของ Hulu และ Disney+ ในสหรัฐอเมริกาเข้าด้วยกันเป็นบริการเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมที่จะให้บริการแพ็กเกจใหม่แบบมีโฆษณา รวมถึงขึ้นราคาค่าบริการ โดย Bob Iger ซึ่งเป็น CEO ของ Walt Disney ได้ชี้แจงว่ามาตรการดังกล่าวทำขึ้นเพื่อที่จะแสดงให้เห็นคุณค่าของคอนเทนต์ของบริษัทที่นำเสนอให้กับสมาชิก
อย่างไรก็ดี CEO รายดังกล่าวได้ชี้ว่าแผนการที่จะนำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งขึ้นมาเป็นรายได้หลักแทนจากรายได้ของเคเบิลทีวีนั้นยังต้องใช้เวลา และบริษัทยังต้องเรียนรู้ รวมถึงสร้างแผนธุรกิจเพื่อที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ในการลดค่าใช้จ่ายมาตรการที่งัดออกมาใช้คือลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอนเทนต์ต่างๆ ลง แต่ CEO รายดังกล่าวก็ได้กล่าวว่าการลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะต้องไม่กระทบจนทำให้จำนวนลูกค้าลดลง
ถ้าหากมองผลประกอบการทั้งหมดของ Walt Disney ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้รวมทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 21,800 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมบริษัทได้ลดค่าใช้จ่ายสำคัญนั่นก็คือการปลดพนักงานบางส่วนออก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่อาจไม่เป็นใจ
ปัจจุบัน Disney+ มีจำนวนสมาชิกมากถึง 158 ล้านราย อย่างไรก็ดีวิดีโอสตรีมมิ่งรายนี้ยังมีจำนวนสมาชิกตามหลังคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Netflix ที่มีสมาชิกมากถึง 232.5 ล้านราย