Richemont กลุ่มบริษัทสินค้าลักชัวรีที่มีแบรนด์ดัง เช่น Cartier, Van Cleef & Arpels รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2023 เติบโตพุ่ง 22% จากดีมานด์ “เศรษฐีจีน” นิยมช้อปปิ้งเครื่องประดับและนาฬิกาข้อมือหรู
ยอดขายของแบรนด์ภายใต้บริษัท Richemont เติบโตถึง 22% ในไตรมาสแรกปี 2023 จากการเติบโตที่ดีทั้งในทวีปเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และในประเทศสหรัฐฯ
“ยอดขายในจีนดีขึ้นอย่างมาก” Johann Rupert ประธานกรรมการ Richemont เปิดเผยกับสื่อมวลชน
ราคาหุ้นบริษัทจึงเติบโตขึ้นมากกว่า 5% และทำสถิติเป็นประวัติการณ์ที่ราคาหุ้นละ 158.50 สวิสฟรังก์
ไม่ใช่แค่บริษัทนี้ที่ทำยอดขายได้ดี รายใหญ่ในตลาดลักชัวรีอื่นๆ เช่น LVMH หรือ Hermes ต่างก็ได้อานิสงส์อย่างมากจากการฟื้นตัวของตลาดจีน หลังผ่านระยะดิสรัปต์ 3 ปีจากโควิด-19 มาได้ โดยยอดขายไตรมาสแรกของ LVMH โต 17% ส่วน Hermes โต 23%
บริษัทลักชัวรีเหล่านี้ทั้งหมดเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นบลูชิพของตลาดยุโรปที่สร้างผลการดำเนินงานได้ดีที่สุด
Jean Philippe Bertschy นักวิเคราะห์จาก Vontobel มองว่า ยอดขายของ Richemont เติบโตได้มากกว่าที่คาด และเล็งเห็นว่าในตลาดมีการแยกออกอย่างชัดเจนระหว่างผลการดำเนินงานของแบรนด์ที่แข็งแกร่งกับแบรนด์ที่อ่อนแอกว่า
“มีการแยกออกเป็นสองขั้ว ระหว่างแบรนด์ที่แข็งแรงและมีสินค้าเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนกับแบรนด์ที่อ่อนแอกว่าในตลาด และยิ่งถีบตัวแตกต่างกันมากขึ้นในหลายเดือนมานี้เนื่องจากเงินเฟ้อ” Bertschy กล่าว
- “Quiet Luxury” เทรนด์ใหม่สินค้าแบรนด์เนม “เรียบหรูดูแพง” แทนที่การใส่โลโก้แบบตะโกน
- นักวิเคราะห์มั่นใจ ‘สินค้าลักชัวรี่’ จะยิ่งเติบโตหลัง ‘จีน’ เปิดประเทศ
รายงานผลประกอบการ Richemont ที่มีแบรนด์ดังทั้งเครื่องประดับจาก Cartier, Van Cleef & Arpels และกลุ่มนาฬิกาหรู เช่น IWC, Vacheron Constantin รายงานผลประกอบการรอบปี เดือนเมษายน 2022 – เดือนมีนาคม 2023 พบว่ากำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้นถึง 34% ทำกำไรไปที่ 5,030 ล้านยูโร (ประมาณ 1.86 แสนล้านบาท) และมีอัตรากำไร 25.2% ทั้งหมดเป็นตัวเลขเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์
สำหรับกระแสข่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่ Richemont จะถูกเทกโอเวอร์แบรนด์ Cartier ในเครือหรือซื้อกิจการทั้งบริษัท Rupert ประธานกรรมการบริษัทระบุว่ายังไม่มีการติดต่อโดยตรงจากทาง LVMH บริษัทมหาชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของยุโรป รวมถึงยังไม่ได้คุยกับ Kering บริษัทที่เคยยื่นข้อเสนอซื้อกิจการเมื่อปี 2021