‘Netflix’ วางแผนลดค่าใช้จ่าย 300 ล้านเหรียญในปีนี้ หลังแผนปราบการ “แชร์รหัส” ล่าช้า

ภาพจาก Shutterstock
ในปีที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเบอร์ 1 ของโลกได้เจอกับช่วงขาลง ทำให้บริษัทต้องพยายามลดต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นการเลิกจ้างพนักงานราว 500 ตำแหน่ง ยังไม่รวมการตัดงบในบางแผนก ล่าสุด มีรายงานว่าปีนี้  Netflix ต้องการลดค่าใช้จ่ายให้ได้ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานใหม่จาก The Wall Street Journal รายงานว่า Netflix กำลังวางแผนที่จะลดการใช้จ่ายลง 300 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ยักษ์ใหญ่ด้านสตรีมมิ่งต้องการลดค่าใช้จ่ายมาจาก แผนการปราบปรามการแชร์รหัสผ่านล่าช้า ทำให้รายได้ที่คิดว่าจะเพิ่มอาจไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศแผนที่จะลงทุนมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ กับการผลิตคอนเทนต์ในเกาหลีใต้ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเม็ดเงินที่บริษัทลงทุนตั้งแต่ปี 2559

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Netflix วางแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายลง 300 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะลดจากส่วนไหน ขณะที่จำนวนเงินดังกล่าวเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของค่าใช้จ่ายของบริษัท เพราะเม็ดเงินที่ Netflix ใช้ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว

หลังจากปี Netflix เจอกับช่วงขาลงในปีที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังแข่งขันกับบริการสตรีมรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Disney+, Hulu, HBO Max, Paramount+ และ Peacock ทำให้แพลตฟอร์มต้องพยายามหาวิธีใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้ อาทิ เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ที่มี โฆษณา ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

นอกจากนี้ Netflix ยังเริ่มปราบปรามการแชร์รหัสผ่านในแคนาดา นิวซีแลนด์ โปรตุเกส และสเปนเมื่อต้นปีนี้ ส่วนในสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งล่าช้าไปจากที่จะเริ่มภายในไตรมาสแรกของปี