ความแน่นอนคือควาไม่แน่นอน แม้ว่าสถานการณ์โลกจะกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่เพราะผลกระทบจาก COVID-19 และปัจจัยอื่น ๆ อย่างเรื่องสงคราม ก็ทำให้คนหนุ่มสาวจะมาใช้ชีวิต Slow Life ไม่ได้ โดยผลสำรวจพบว่า คน Gen Z และ Millennial ทั่วโลกเกือบครึ่งต่างทำ งานที่สอง เนื่องจากความกังวลเรื่องเงิน
จากผลสำรวจของ Deloitte ที่รวบรวมจาก Gen Z จำนวน 14,483 คน และ Millennials จำนวน 8,373 คน จาก 44 ประเทศทั่วโลก พบว่า 46% ของคน Gen Z มีงานประจำหรืองาน Part-Time นอกเหนือจากงานหลัก โดยเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ส่วนคน Millennials มีจำนวน 37% ที่ทำงานเสริม เพิ่มขึ้น 4%
โดยงานรองที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ การขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ เช่น บริการส่งอาหารหรือเรียกรถรับจ้าง ร้านศิลปะ หรือสร้างเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียในฐานะ influencers
โดย 25% ของคน Gen Z และ 28% ของคน Millennials กล่าวว่า แรงจูงใจหลักในการทำงานเสริมของพวกเขาคือ การได้รับทักษะและสร้างความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องเงินนั้นสำคัญที่สุด โดย Gen Z 38% มองว่าการทำงานที่สองเพราะต้องการหาเงินเพิ่ม ส่วนคน Millennials คิดเป็น 46%
“งานเสริมกำลังเพิ่มขึ้นสำหรับ Gen Z และ Millennials เนื่องจากพวกเขามีความกังวลเรื่องเงิน ซึ่งถือเป็นเหตุผลหลัก แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่ามันเป็นการหารายได้จากงานอดิเรก และเป็นการพัฒนาทักษะที่จะปูทางไปสู่อาชีพใหม่” Michele Parmelee รองซีอีโอของ Deloitte Global และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล กล่าว
ข้อมูลจากการสำรวจของ Deloitte แสดงให้เห็นว่า ค่าครองชีพเป็นสิ่งที่คน Millenials และ Gen Z กังวลมากที่สุดในขณะนี้ โดยเขามองว่าเขามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.9% ต่อปี ส่วนในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 10.1%
“คนรุ่นเหล่านี้มีภาวะความไม่มั่นคงทางการเงิน และความกังวลด้านเศรษฐกิจกำลังขัดขวางความสามารถของคน Gen Z ส่วนคน Millennials ก็ต้องเลื่อนการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ในชีวิตออกไป เพราะเรื่องเงิน”
แม้จะมีความกังวลเหล่านี้ แต่อาจมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดย 44% ของคน Gen Z และ 35% ของคน Millenials มองโลกในแง่ดีว่าสถานการณ์ทางการเงินของพวกเขาจะดีขึ้นในไม่ช้า