‘อะโดบี’ ย้ำ ตั้งออฟฟิศไทยไม่ได้มุ่งจับ ‘ลิขสิทธิ์’ แต่เห็นศักยภาพการเติบโตของศก. ดิจิทัลทัดเทียม ‘สิงคโปร์’

เชื่อว่าคนที่อยู่ในสายงานครีเอทีฟคงไม่มีใครไม่รู้จัก อะโดบี (Adobe) หลังจากที่เปิดสำนักงานในสิงคโปร์ โดยใช้เป็นฐานการให้บริการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานกว่า 21 ปี ล่าสุด บริษัทก็ได้เปิดสำนักงานใหม่แห่งที่ 2 ในประเทศไทย และ ไซมอน เดล รองประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) และเกาหลีของ Adobe จะมาไขข้อสงสัยว่าทำไมถึงเลือกไทยเป็นออฟฟิศใหม่

ย้ำชัด ไม่ได้มาจับลิขสิทธิ์ แต่เห็นโอกาสเติบโต

ไซมอน ให้เหตุผลว่า ถ้าเทียบในภูมิภาคอาเซียน เศรษฐกิจดิจิทัลไทยนั้นมีโอกาสเติบโตสูงมากพอ ๆ กับสิงคโปร์ ดังนั้น การเปิดออฟฟิศในไทยนั้นเพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น สามารถเข้ามาทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อให้บริการได้อย่างตรงใจ นอกจากนี้ยังไม่ต้องเดินทางหรือใช้การสื่อสารระยะไกลอีกด้วย นอกจากนี้ การตั้งออฟฟิศในไทยยังช่วยให้อะโดบี พัฒนาดิจิทัลสกิลให้คนไทย ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องขับเคลื่อนควบคู่กัน

ส่วนในเรื่องของปัญหาด้านลิขสิทธิ์นั้น บริษัทคงไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมจากที่ดำเนินการอยู่ แต่มีการให้คำแนะนำกับผู้ใช้เสมอว่าการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องนั้นมีความเสี่ยงอย่างไร ทั้งในด้านของซิเคียวริตี้, การได้ใช้งานซอฟต์แวร์อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะไม่ได้รับการอัปเดต เป็นต้น

“สำหรับตลาดไทยเรามองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในด้านครีเอทีฟ ดังนั้น เราอยากช่วยขับเคลื่อนครีเอทิวิตี้ของคนไทย และเรากำลังรอดูถึงนโยบายด้านการส่งเสริมครีเอทีฟและดิจิทัลจากรัฐบาลใหม่ว่าจะมีทิศทางอย่างไร และเราจะมีส่วนช่วยได้อย่างไรบ้าง”

ไม่ใช่แค่องค์กรใหญ่ แต่จะรุก SME ด้วย

ไซมอน กล่าวต่อว่า บริษัทให้ความสำคัญกับผู้ใช้ทั่วไปและลูกค้าองค์กร แต่ในส่วนของตลาดองค์กรนั้น อะโดบีจะมีทีมตรงเพื่อให้คำปรึกษา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทจะมีลูกค้าหลักเป็นองค์กรใหญ่ ซึ่งอะโดบีก็คาดหวังที่จะเข้าถึงกลุ่มธุรกิจกลางและเล็กในไทยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปิดออฟฟิศในไทยแต่บริษัทไม่ได้มีแผนจะทำการตลาดหรือสร้างการรับรู้ เพราะถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจเล็ก ๆ แต่บริษัทจะเน้นไปที่การเข้าให้ความรู้กับองค์กรธุรกิจในเรื่องของดิจิทัล โดยเฉพาะการนำเสนอโซลูชัน Experience Cloud ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับ MarTech

ทั้งนี้ ออฟฟิศในไทยที่เพิ่งจะเปิดไปได้มีการจ้างทีมงานแล้วประมาณ 10 ราย เบื้องต้น ยังอยู่ในกระบวนการศึกษางานให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะให้เข้าไปตอบโจทย์ลูกค้าได้

“การแข่งขันมีตลอดอยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องหาให้ได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และเราตอบโจทย์เขาได้ไหม”