SCB Protect ประกาศแผนธุรกิจในปี 2023 นี้ โดยเน้นจุดหลักคือบริการไร้รอยต่อ มีช่องทางขายทั้ง Telesales ไปจนถึงช่องทางออนไลน์ ขณะเดียวกันก็ได้รุกตลาดตามภูมิภาค โดยมองโอกาสในอนาคตรายได้จากต่างจังหวัดจะมากกว่ากรุงเทพฯ
ปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด (SCB Protect) ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของบริษัทว่า SCB Protect ได้เริ่มธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด เริ่มขายกรมธรรม์ประกันประเภทต่างๆ รวมถึงประกันชีวิตด้วย
อย่างไรก็ดีในปี 2021 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไม่เปิดให้ขอใบอนุญาตได้ ซึ่ง คปภ. ได้เปิดให้ขอใบอนุญาตอีกครั้งในปี 2022 โดยถือว่าเป็นปีแรกที่ดำเนินการธุรกิจ และมีการขยายธุรกิจเป็นอย่างที่น่าพอใจ
ในปีที่ผ่านมา SCB Protect มีเบี้ยรับรวม 1,700 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 800 ล้านบาท และฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 แสนราย โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 77% เบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้น 145% รายได้รวมเพิ่มขึ้น 139% ผู้บริหารสูงสุดของ SCB Protect ยังได้กล่าวว่าตอนนี้บริษัทมีกำไรแล้วด้วย
เน้น 3 กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ปรมาศิริ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ในการรุกหาลูกค้ารายใหม่ว่าตอนนี้เน้นทีมขายแบบเจอหน้า (Face to face) ซึ่งเธอมองเห็นโอกาสในต่างจังหวัด แม้ว่าการทำงานช่วงโควิดจะทำให้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปก็ตาม ทำให้บริษัทตั้ง SCB Protect Online ด้วย การเข้าถึงลูกค้าอีกทางคือช่องทางออนไลน์ มีเปรียบเทียบกรมธรรม์ สามารถดูได้จากต้นจนซื้อกรมธรรม์จนจบ
แต่จุดแข็งที่มีคือการติดต่อลูกค้าผ่านพนักงาน Telesales และมีบริการสนับสนุนผ่าน Teleservices เช่น ลูกค้าคนไหนกดเข้าไปดูกรมธรรม์แล้วสนใจ ก็จะมีทีมงานติดต่อเข้าไป และในตอนนี้บริษัทกำลังเทรนให้พนักงานสามารถออกไปขายประกันด้านนอกได้
ผู้บริหารสูงสุดของ SCB Protect ยังได้ชูกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ได้แก่
1.Omni Channel บริการไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นผ่านเว็บไซต์ หรือบริการการขายแบบเจอหน้า รวมถึงมีบริการ Call Center
2.นำ AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เช่น การนำเสนอโปรโมชัน หรือแม้แต่การใช้ช่องทางที่ติดต่อลูกค้าแบบเหมาะสม ไปจนถึงค่าเบี้ยที่เหมาะสมกับแต่ละคน
3.ขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาค โดยบริษัทได้เตรียมขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค เน้นการใช้คนในท้องที่ เพื่อที่จะเสนอกรมธรรม์ให้กับลูกค้าได้ดี
เปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคแห่งแรกที่เชียงใหม่
ผู้บริหารสูงสุดของ SCB Protect ได้กล่าวถึงการเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาค โดยเลือกที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา ส่งผลทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดกลับมา นอกจากนี้ภาคเหนือซึ่งรวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ยังมีแรงงานคืนถิ่นที่สูงมาก
ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ยังมีสาขาของ SCB พร้อมเปลี่ยนเป็นสำนักงานของ SCB Protect ทำให้มาเปิดสาขาที่นี่ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งในช่วงการเปิดสำนักงานเพื่อให้ผู้ที่สนใจในตำแหน่งงานนั้นมีคนมาสมัครมากถึง 100 ตำแหน่ง ทำให้สร้างความมั่นใจในการเปิดสำนักงานที่นี่
การรุกศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคของ SCB Protect ได้รุกตลาดประกันภัยกลุ่ม ประกันพื้นฐานความคุ้มครองสำหรับความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับทุกวัย โดยสามารถทำได้ทั้งพนักงานองค์กร สมาชิกในองค์กรและครอบครัวของคนในองค์กร และอาชีพอิสระสามารถมีประกันปกป้องได้ ซึ่งราคาเริ่มต้นปีละ 225 บาท
หลังจากการเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคที่เชียงใหม่แล้ว เป้าหมายต่อไปของ SCB Protect คือขอนแก่น ล่าสุดบริษัทได้เปิดรับพนักงานมากถึง 300 ตำแหน่ง หลังจากนี้เธอได้เปรยว่าอาจขยายไปยังภาคใต้หรือไม่ก็ภาคตะวันออก
ปรมาศิริยังมองตลาดประกันนั้นน่าจะโตดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคพยายามเริ่มมองหาประกันมากขึ้น ตั้งแต่วัยรุ่นที่เริ่มทำงานนั้นเริ่มหาประกันคุ้มครองบ้างแล้ว เธอได้ยกตัวอย่างง่ายสุดคือประกันเดินทางกลายเป็นกลุ่มวัยรุ่นได้ซื้อมากขึ้นและยังมองว่าเห็นความสำคัญ ขณะเดียวกันเธอก็มองว่าอัตราการทำประกันของคนไทยยังต่ำ ซึ่งยังเป็นโอกาสของบริษัทอีกด้วย
นอกจากนี้เธอมองว่าลูกค้าไม่ควรทำประกันเกินค่าเบี้ย ทำเท่าที่ความสามารถของแต่ละคนที่สามารถจ่ายได้ และเธอได้แนะนำว่าฝ่ายขายว่าไม่ควรขายประกันจนลูกค้าไม่สามารถจ่ายเบี้ยได้
ปัจจุบัน SCB Protect มีรายได้จากภูมิภาคตอนนี้ 10-20% ปีหน้าจะอยู่ที่ราวๆ 30% หลังจากนี้ 3 ปีผ่านไปสัดส่วนกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 40% และ 60% ตามลำดับ โดยปี 2023 นี้บริษัทคาดหวังรายได้รวมจะเติบโตมากถึง 1,600-1,700 ล้านบาท