ธุรกิจซื้อเป็นกลุ่มทางออนไลน์ หรือโซเชี่ยลคอมเมิร์ช สำหรับเมืองไทยแล้วจะนั่งคอยให้คนที่ออนไลน์อยู่แล้ว เข้ามาซื้อ แค่นั้นไม่พอ แต่ต้องดึงชาวออฟไลน์ หรือคนที่ไม่เคยสนใจเอ็นโซโก้มาก่อนให้มาร่วมเคาะดีลด้วย ถึงจะเติบโตกว่าเดิม
แนวคิดนี้ทำให้เอ็นโซโก้(Ensogo) ซึ่งมีลีฟวิ่งโซเชี่ยล เจ้าตลาดโซเชี่ยลคอมเมิร์ช ของอเมริกาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กำลังทดลองโมเดลใหม่ในเมืองไทยเป็นที่แรก ด้วยการเปิดร้านค้าในห้าง ในคอนเซ็ปต์ Live More Store แม้จะมีขนาดย่อมแค่ 7 ตารางเมตร แต่ก็เน้นให้เห็นแบรนด์เอ็นโซโก้ชัดๆ โดยเริ่มจาก “สยามเซ็นเตอร์”
เป็นการเสริมพลัง Brand Touch Point นอกเหนือจากที่เอ็นโซโก้กระหน่ำใช้สื่อเก่าอย่างทีวี สิ่งพิมพ์ สื่อนอกบ้านเพื่อโฆษณาธุรกิจอย่างหนักโดยใช้งบในปี 2554 สำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์นี้ถึงประมาณ 40 ล้านบาท
ร้านค้านี้นอกจากเป็นจุดบริการให้ลูกค้ามารับคูปองส่วนลดสินค้าต่างๆ หรือบัตรคอนเสิร์ต แล้วยังเตรียมนำสินค้ามาวางเพื่อตอบสนองผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังคุ้นเคยกับการจับต้องสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ
นี่คือกลยุทธ์ล่าสุด ที่ “ทอม ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งเอ็นโซโก้” บอกว่า เพื่อกวาดลูกค้าหมดทุกเซ็กเมนต์ และกระตุ้นการเติบโตของสมาชิก โดยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกเอ็นโซโก้ประมาณ 1 ล้านราย คาดว่าสิ้นปีหน้าจะได้ 3 ล้านราย ในกลุ่มนี้หากมาจากออฟไลน์ 20% หรือประมาณ 6 แสนราย ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนแล้ว
“ทอม” ได้เห็นพฤติกรรมลูกค้า โดยยกตัวอย่างว่ามีลูกค้าบางคนมาที่ออฟฟิศเอ็นโซโก้ (ย่านสีลม) โชว์มือถือที่ถ่ายรูปหน้าเว็บเอ็นโซโก้ แล้วบอกกับพนักงานว่าอยากได้ดีลนี้ จึงทำให้คิดว่าควรมีจุดอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้อาจไม่ได้ออนไลน์บ่อย และยังไม่มีบัตรเครดิต แต่ต้องการร่วมเคาะดีลด้วย
นี่คือการขยับล่าสุดของเอ็นโซโก้ ที่กำลังบอกกับคู่แข่งชัดๆ ว่ายุทธศาสตร์กวาดสมาชิก คือดีลที่ต้องทำให้ได้ ก่อนที่ธุรกิจนี้จะระอุมากขึ้นเรื่อยๆ
cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>
More Store
โดยการปล่อยไอคอนสัญลักษณ์เอ็นโซโก้ เดินในบริเวณสยามฯ
พื้นที่ 7 ตารางเมตร ลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท เน้นเป็นจุดบริการลูกค้าเช่น
ติดต่อรับคูปอง รับชำระดีล หรือรับสินค้าขนาดเล็ก
ต่อไปเตรียมวางสินค้าอื่นเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้จับต้องสินค้ามากขึ้น
รวมไปถึงกลุ่มออฟไลน์
Analysis
ขณะที่ต่างประเทศโดยเฉลี่ยมากกว่า 50%
ทำให้แม้ธุรกิจโซเชี่ยลคอมเมิร์ชจะเติบโต แต่ยังถือว่าไม่เร็วนัก
ดังนั้นธุรกิจในไทยจึงต้องอาศัยการโปรโมตผ่านออฟไลน์
เพิ่มจุดทำให้คนรู้จักแบรนด์และมาใช้บริการมากขึ้น
Profile เอ็นโซโก้ ณ สิ้นปี 2554
- จำนวนสมาชิก 1 ล้านราย
- หญิง 70% ชาย 30%
- เฉลี่ยใช้เวลาในเว็บเอ็นโซโก้ 1 ครั้งต่อวัน ครั้งละประมาณ 5 นาที
- เฉลี่ยขายดีลได้วันละ 2,800 ดีล
cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>
style=”vertical-align: top; text-align: center;”> style=”font-weight: bold;”>อายุสมาชิกเอ็นโซโก้
ปีขึ้นไป 24%
ที่เหลือ