วิเคราะห์ธุรกิจของ Meta เมื่อ Subscription อาจเป็นโมเดลรายได้ใหม่อีกทาง หลังยอดโฆษณาผันผวน

เมต้า (Meta) ผู้ให้บริการ Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram เป็นอีกบริษัทที่กำลังหารายได้เพิ่มเติมอย่างมาก ซึ่งหลายครั้งได้สร้างความปวดใจให้กับเจ้าของเพจ หรือแม้แต่แบรนด์ต่างๆ เนื่องจาก Reach ของเพจต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะมีความพยายามโพสต์หรือหาลูกเล่นใหม่แล้วก็ตาม

แต่ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า Meta ได้ประกาศบริการที่ให้สมาชิกนั้นจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุดนั้นมีมาแล้ว 2 บริการ ภายใน 1 สัปดาห์เท่านั้น (แม้ว่าจะมีการประกาศมาล่วงหน้าสักพักก็ตาม)

Positioning จะวิเคราะห์โมเดลธุรกิจว่าการที่ Meta ได้เข้าสู่โมเดลสมัครสมาชิก (Subscription) เพราะอะไร

ออก Meta Verified ในไทย

เจ้าของแพลตฟอร์ม Social Media ได้ประกาศเตรียมเปิดบริการ Meta Verified ที่ประเทศไทยเร็วๆ นี้ โดยบริการดังกล่าวทำเพื่อที่จะได้รับ Reach มากขึ้น หรือแม้แต่ป้องกันการสวมรอยจากบุคคลอื่น ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 429 บาท

Meta ยังได้ประกาศว่าเตรียมเปิดบริการ Meta Verified ซึ่งเป็นบริการยืนยันตัวเอง ซึ่งผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินเพื่อยืนยันตัวเองบนแพลตฟอร์ม Facebook หรือ Instagram เพื่อที่จะได้รับ Reach มากขึ้น หรือแม้แต่ป้องกันการสวมรอยจากบุคคลอื่น

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองระบบดังกล่าวในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และขยายไปยังสหรัฐอเมริกา แคนาดา เป็นต้น โดยล่าสุดบริการดังกล่าวเตรียมเปิดตัวในประเทศกลุ่มละตินอเมริกา ก่อนที่จะขยายบริการทั่วโลกหลังจากนี้

สำหรับราคาในประเทศไทยนั้น Meta ได้ประกาศว่าราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 429 บาทต่อเดือนถ้าสมัครผ่านเว็บไซต์ แต่ถ้าหากสมัครผ่านแอปพลิเคชันทั้ง Facebook และ Instagram จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

เมื่อบริษัทหารายได้เพิ่ม

ในช่วงที่ผ่านมา Meta ได้พยายามเข็นบริการ Subscription ออกมาหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Quest+ ซึ่งเป็นบริการเสริมของแว่นตา VR ของบริษัท ที่เริ่มต้นจ่ายเงินเพียง 7.99 ดอลลาร์สหรัฐ (แต่ถ้าหากจ่ายเงินเป็นรายปีก็จะได้ส่วนลด) เพื่อที่จะได้เกมใหม่ๆ มาเล่น

ซึ่งโมเดลการหารายได้จากบริการสมัครสมาชิกเพิ่ม ยังช่วยลดผลกระทบจากรายได้โฆษณาที่ไม่แน่นอนของบริษัทด้วย โดยในช่วงปี 2021 รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 117,929 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่ามากสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัท อย่างไรก็ดีรายได้ในปี 2022 กลับตกลงมาเหลือ 116,609 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

รายได้ที่ลดลงไปในปี 2022 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้บริษัทต้องปรับลดพนักงานชุดใหญ่ และยังต้องปรับโครงสร้างบริหาร หรือแม้แต่การหารายได้อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่ง Mark Zuckerberg ได้กล่าวว่าปี 2023 จะเป็นปีในการรีดประสิทธิภาพของบริษัทออกมา

บริษัทแม่ของ Facebook ล่าสุดได้ออกบริการ Meta Verified สำหรับยืนยันตัวเอง – ภาพจาก Meta

นักวิเคราะห์คาดรายได้เพิ่ม

คาดการณ์จาก Bank of America มองว่าบริการ Meta Verified จะมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 12 ล้านรายภายในปี 2024 ทำให้สถาบันการเงินรายดังกล่าวมองว่าบริการนี้จะเพิ่มรายได้กับบริษัทมากถึง 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยบทวิเคราะห์ดังกล่าวมองว่าลูกค้าหลักของบริการดังกล่าวคือเจ้าของเพจ หรือบรรดาเจ้าของแบรนด์ต่างๆ มากกว่าที่จะคนทั่วๆ ไป เนื่องจากเพจต่างๆ หรือแบรนด์ที่ต้องการจ่ายเงินกับบริการเหล่านี้ต้องการที่จะเพิ่ม Reach ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ หรือแม้แต่การรับรู้ของแบรนด์มากกว่า

แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะคู่แข่งหลายเจ้าได้ใช้โมเดลแบบนี้ด้วย

การที่ Meta ได้ใช้โมเดล Subscription นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้สำหรับการยืนยันตัวเองก่อนหน้านี้ในหลาย Social Network ถือว่าเป็นบริการฟรี สำหรับยืนยันตัวตนโดยเฉพาะผู้ที่มีชื่อเสียง หรือมีความเสี่ยงที่จะโดนปลอมตัวตนได้

โดยคู่แข่งของ Meta ไม่ว่าจะเป็น Twitter นั้นได้เปิดบริการ Verified ขึ้นมา โดยแยกเป็น Account ประเภทส่วนบุคคลที่มีราคาไม่แพง ขณะที่ Account ประเภทธุรกิจนั้นจะมีราคาแพงมากกว่า ขณะที่ Snapchat เองก็มี Snapchat+ ซึ่งมีผู้ใช้งานมากถึง 2 ล้านคน ซึ่งค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 3.99 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

คำถามหลังจากนี้คือจะมีผู้ใช้งานจ่ายเงินให้กับบริการดังกล่าวมากแค่ไหน