ตอนนี้ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่ากระแสของ “หม่าล่า” เรียกว่ามีแบรนด์ใหม่ผุดขึ้นมาเป็นวันต่อวัน เป็นทั้งแบรนด์ไทย และอิมพอร์ตจากประเทศจีน จากเทรนด์นี้ทำให้ “ไมเนอร์ ฟู้ด” ไม่ยอมตกขบวนไปได้ เปิดตัว Riverside Grilled Fish & Mala แบรนด์ใหม่ล่าสุดเข้าพอร์ต หวังจับตลาดอาหารจีน
หม่าล่าเป็นส่วนหนึ่งของเซ็กเมนต์อาหารจีนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จริงๆ แล้วมีการรับประทานอย่างต่อเนื่อง แต่เดิมอาจจะได้เห็นตามตลาดที่เป็นปิ้งย่างแล้วโรยผงหม่าล่า หลังจากนั้นก็เริ่มมีแบรนด์ “หม้อไฟหม่าล่า” จากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดในไทย อย่าง ไห่ตี้เหลา (Haidilao Hot Pot),CQK MALA Hotpot และล่าสุดที่เปิดตัวอย่างอลังการกับ Shu Daxia Hotpot
แต่เทรนด์ล่าสุดต้องยกให้ “หม่าล่าสายพาน” เป็นชาบูหม้อเดี่ยว แล้วเมนูอาหารจะมาตามสายพาน มีราคาเริ่มต้นที่ไม้ละ 5 บาท ตอนนี้เป็นร้านที่มีคิวรอหน้าร้านอยู่เยอะมาก เนื่องจากราคาย่อมเยา และยังเลือกหยิบตามใจชอบของใครของมัน เป็นกิมมิกอย่างหนึ่งของร้านอาหาร
แน่นอนว่าเชนร้านอาหารใหญ่ๆ ต้องมีการมอนิเตอร์กระแสความนิยมของผู้บริโภคอยู่ตลอด ไมเนอร์ ฟู้ดเองเห็นกระแสหม่าล่ามาพักใหญ่ และต้องการบุกตลาดนี้ด้วยเช่นกัน กลยุทธ์หลักของเชนใหญ่ๆ ก็มีอยู่ 2 อย่าง ไม่นำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศ ก็ทำการซื้อกิจการซะ เพื่อเป็นทางลัดในการทำการตลาด ไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างแบรนด์ใหม่
ไมเนอร์ ฟู้ดเลือกที่จะนำเข้าแบรนด์มามากกว่า เนื่องจากเป็นเครือใหญ่ และมีดีลมากมาย จึงเลือกนำแบรนด์ Riverside Grilled Fish & Mala (ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า) เข้ามานั่นเอง
Riverside Grilled Fish เป็นร้านอาหารจีนสไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน ที่มีเมนูหลักเป็นปลาย่างกระทะร้อน มีจุดเริ่มต้นในปี 2548 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ปัจจุบันมีสาขาในประเทศจีน และสิงคโปร์ โดยที่คนไทยจะรู้จักร้านนี้จากที่สิงคโปร์มากกว่า ในจีนมีสาขาทั้งหมด 140 แห่ง และสิงคโปร์มี 5 แห่ง
อาหารจีนในอุดมคติของคนไทยจะเป็นพวกติ่มซำ ผัดหมี่ หมูแดงเสียมากกว่า แต่อาหารจีนสไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวนจะมีความเผ็ดร้อน เมนูจะมีพริกแห้งเป็นซิกเนเจอร์
ส่วนในประเทศไทยได้ใช้ชื่อว่า Riverside Grilled Fish & Mala โดยเติมคำว่า “หม่าล่า” ไปในชื่อแบรนด์ เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนที่ชอบหม่าล่าเป็นชีวิตจิตใจ
ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เริ่มเล่าว่า
“ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารจีนในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าตลาดราวๆ 5,000-6,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารแบบเดี่ยว ไม่มีสาขา ไม่มีเชน ผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างดีทั้งคนไทย และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย จึงเลือกนำเข้าแบรนด์นี้ เพื่อเสริมพอร์ตอาหารจีนของไมเนอร์ ฟู้ด”
Riverside Grilled Fish & Mala เป็นกลุ่มร้านอาหารจีนแบรนด์แรกของไมเนอร์ ฟู้ด แต่เดิมพอร์ตโฟลิโอของไมเนอร์ ฟู้ดจะเต็มไปด้วยอาหารสไตล์ตะวันตก เช่น พิซซ่า, สเต๊ก, ไอศกรีม, เบอร์เกอร์ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ไมเนอร์ ฟู้ดก็ได้เขาซื้อกิจการ “บอนชอน” เพื่อเติมพอร์อาหารเกาหลี และล่าสุดกับการซื้อกิจการ GAGA แบรนด์ชานมไข่มุก
ไมเนอร์ ฟู้ดค่อนข้างมั่นใจกับแบรนด์ Riverside Grilled Fish & Mala เพราะในจีนเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จสูง มีสาขาเยอะ และรายได้ดี มีกลุ่มลูกค้าทุกวัย เนื่องจากเป็นอาหารที่คนจีนคุ้นเคย และด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอด ทำให้คนจีนชอบทานอาหารพวกหม้อไฟ กระทะร้อน กลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ก็ทานเป็นกับแกล้มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แต่ในประเทศไทยถือว่าค่อนข้างท้าทายอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นกลุ่มอาหารแบบใหม่ที่คนไทยไม่คุ้นเคย เพราะคนไทยเคยชินกับการทานหม่าล่าเป็นแบบชาบู หม้อไฟมากกว่า แต่ข้อดีก็คือคนไทยเปิดรับอะไรใหม่ๆ ง่าย อยากทดลองร้านใหม่ๆ เมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ
Riverside Grilled Fish & Mala เปิดสาขาแรกที่ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เจาะฐานกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อระดับกลาง-สูง ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ หลังจากนั้นจะขยายสาขาต่อที่เซ็นทรัลพระราม 9 เป็นแห่งที่ 2 ทั้ง 2 โลเคชั่นเป็นแหล่งรวมทั้งนักท่องเที่ยว และชาวจีนอยู่มาก ส่วนคนไทยก็ค่อนข้างมีกำลังซื้อ
ธันยเชษฐ์ มองว่า ในไทยสามารถขยายสาขาได้ถึง 10 แห่ง แต่ต้องดูกระแสตอบรับจากการเปิด 2 สาขาแรกก่อน ในช่วงแรกอยากเน้นการสร้างประสบการณ์ก่อน ให้เห็นถึงความแปลกใหม่ ความน่าตื่นเต้นของแบรนด์ แล้วจึงมาดูแผนขยายสาขาต่อไปในอนาคต