เจาะภารกิจ “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” หลังสวมหมวกใบใหม่ที่ “แม็คกรุ๊ป” ตะลุยโจทย์ “หน้าร้าน+คนขาย”

แม็คกรุ๊ป
หลังจาก “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” เซอร์ไพรส์วงการตัดสินใจ าออกากไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป และเข้ารับตำแหน่ง ‘Deputy CEO’ ที่ KERRY ฉีกสายธุรกิจจากร้านอาหารเข้าสู่วงการโลจิสติกส์ ล่าสุดประพัฒน์เลือกย้ายบ้านอีกครั้ง โดยเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขายที่ “แม็คกรุ๊ป” รับความท้าทายใหม่ในธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น กับภารกิจหลักอาศัยความเชี่ยวชาญเดิมช่วย “ขยายสาขาหน้าร้าน” และ “บริหารคน”

ความเดิมตอนที่แล้วของมือบริหารคนสำคัญ “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” คือการเลือกย้ายออกจากบ้านหลังเก่าที่ “ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป” แม้จะเป็นบ้านที่อยู่มานานถึง 15 ปี เพื่อรับตำแหน่งใหม่เป็น ‘Deputy CEO’ กับโลจิสติกส์ชื่อดัง บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KERRY ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565

เหตุผลที่เขาให้ไว้ขณะนั้น คือ ต้องการจะท้าทายตัวเองก่อนเข้าวัยเกษียณในอีก 10 ปี โอกาสที่ได้รับจาก KERRY จะทำให้เขาได้เข้าสู่แวดวงธุรกิจใหม่ และได้ทำงานในระดับ CEO

เวลาผ่านไปปีกว่าหลังย้ายบ้านไป KERRY ประพัฒน์ปรากฏตัวอีกครั้งที่ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ในฐานะ “ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย” กลับเข้าสู่วงการรีเทลอีกครั้งแต่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ในสายเสื้อผ้าแฟชั่น

“ประพัฒน์ เสียงจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

“จริงๆ อยากลองได้ทำงานในบริษัทคนไทย และเผอิญรู้จักกับคุณเจมส์อยู่แล้ว (– เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ซีอีโอ แม็คกรุ๊ป) เขาเลยชวนเข้ามา ซึ่งพอไปศึกษาพื้นฐานบริษัทก็พบว่า แม็คกรุ๊ปเป็นบริษัทที่แข็งแรงและน่าร่วมงานด้วย” ประพัฒน์กล่าว

แม้เป็นครั้งแรกในสายแฟชัน แต่ประพัฒน์มองว่าพื้นฐานคือการเป็นธุรกิจ “รีเทล” ที่คล้ายกับสมัยบริหารธุรกิจร้านอาหาร เพราะมีหน้าร้านสาขา ต้องบริหารคนจำนวนมาก เทรนด์พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันในตลาดสูงด้วยจำนวนคู่แข่ง

ดังนั้น ประสบการณ์ของประพัฒน์จะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ โดยเรื่องหลักที่เขาได้รับมอบหมายคือ “การขยายสาขาหน้าร้าน” และ “บริหารคน”

แม้แต่ในสถานีน้ำมันแม็คยีนส์ก็มีหน้าร้านสาขา ภายใต้แบรนด์ Mc Outlet

 

ขยายสาขา + ปรับวิธีการขาย

ประสบการณ์ของประพัฒน์ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานทำให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ให้เช่าพื้นที่ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และสถานีน้ำมัน เนื่องจากเคยทำงานเป็น Area Manager กับ ExxonMobil และเคยเป็นฝั่งผู้เช่าพื้นที่สมัยทำงานกับ Boots Retail (Thailand) ก่อนจะมาอยู่กับ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารดัง เช่น เบอร์เกอร์คิง, เดอะ พิซซ่า คอมปะนี

การทำหน้าที่สร้าง ‘Landlord Partnership’ จึงเป็นงานถนัด และจะทำให้การขยายสาขาของ “แม็คยีนส์” เป็นไปได้ตามเป้า

แม็คกรุ๊ป
แม็คยีนส์ สาขาเซ็นทรัล หาดใหญ่

ส่วนในเรื่อง “บริหารคน” ก็เช่นกัน งานหน้าร้านเป็นงานที่ใช้คนจำนวนมาก แม็คยีนส์ที่ปัจจุบันมีหน้าร้าน 600 สาขา และมีพนักงานกว่า 1,600 คน เป็นอีกภารกิจที่ประพัฒน์จะเข้ามาปรับปรุง

“คนเราซื้อของด้วย emotional มากกว่านะ ราคามันจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ถ้าของมี storytelling มีเรื่องเล่าที่ดีว่าน่าซื้ออย่างไรก็จะขายได้” ประพัฒน์อธิบาย “พนักงานขายจะไม่ใช่เพียงแค่พูดว่า ‘ซื้อ 2 ชิ้นลด 30% นะคะ’ แต่เขาควรจะทราบประวัติของแบรนด์ ของยีนส์แต่ละรุ่น สามารถเล่าได้ว่ายีนส์เรามีคุณภาพ สวยตรงไหน เพื่อทำให้มีเรื่องราวของแบรนด์”

คนเราซื้อของด้วย emotional มากกว่านะ ราคามันจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ถ้าของมี storytelling มีเรื่องเล่าที่ดีว่าน่าซื้ออย่างไรก็จะขายได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องการบริหารคนนั้นประพัฒน์ยอมรับว่า ‘ไม่ง่าย’ เพราะพนักงานขายมีจำนวนมากหลักพันคนทั่วประเทศ การจะเทรนนิ่งให้เปลี่ยนวิธีการขายนั้นจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ต้องทำเพื่อให้ประสบการณ์ในร้านช่วยส่งเสริมการสร้างแบรนด์ด้วย

 

แบรนด์ไทยที่ต้องสู้กับแบรนด์นอก

ถ้าจะมีสิ่งไหนที่เปลี่ยนไปจากประสบการณ์ที่ประพัฒน์เคยทำงานมา เขากล่าวว่าน่าจะเป็นเรื่อง “แบรนด์” เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำงานกับแบรนด์ไทยและต้องสู้กับแบรนด์ต่างชาติ สลับด้านกับที่ส่วนใหญ่เขาจะได้ทำงานกับแบรนด์นอกมากกว่า

แม็คยีนส์
สินค้าไลฟ์สไตล์ของแม็คยีนส์

โชคดีที่ “แม็คยีนส์” มีความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมจากการก่อตั้งมานาน 48 ปี ปัจจุบันยังเป็นยีนส์ขายดีอันดับ 1 โจทย์จึงเป็นการยึดบัลลังก์นั้นไว้ให้มั่น

“ตามกลยุทธ์บริษัทเราจะปรับแบรนด์ให้เป็น Lifestyle Brand มากขึ้น คือเมนหลักของสินค้ายังเป็นยีนส์ แต่จะต้องมีสินค้าอื่นมาใส่กับยีนส์ให้ครบขึ้น เช่น เสื้อยืด หมวก กระเป๋า รองเท้า และต้อง ‘capture trend’ ตามเทรนด์แฟชั่นให้ทันว่าตอนนี้วัยรุ่นนิยมใส่ยีนส์ทรงไหน แบบไหน” ประพัฒน์อธิบาย

ส่วนประสบการณ์กว่า 1 ปีที่ได้จาก KERRY ก็ไม่ได้หายไปไหน ประพัฒน์กล่าวว่าเขาจะนำความรู้และบุคลากรมาช่วยให้ “แม็คกรุ๊ป” สร้างตลาดออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพขึ้น ด้วยการลดเวลาจัดส่งสินค้าและลดต้นทุนการขนส่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะช่องทางขายออนไลน์โตดับเบิลดิจิต และคู่แข่งต่างโดดเข้ามาชิงลูกค้าในช่องทางนี้