ตลาดสินค้าหรูในจีน-สหรัฐฯ ไม่โตอย่างที่คาด หลายแบรนด์เลิกพึ่งพา 2 ประเทศนี้เป็นหลัก

ภาพจาก Unsplash
บริษัทผู้ผลิตสินค้าหรูหลายบริษัทอาจเลิกพึ่งพาตลาดหลักของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนหลังจากนี้ และจะเน้นเจาะลูกค้าตามประเทศต่างๆ มากขึ้น หลังจากที่ยอดขายสินค้าหรูของ 2 ประเทศนี้ชะลอตัวลงจากปัญหาเศรษฐกิจ

สำนักข่าว Reuters รายงานสถานการณ์ของตลาดสินค้าหรูในประเทศจีนรวมถึงสหรัฐอเมริกาว่าไม่ได้เติบโตอย่างที่คาดไว้ หลังจากการรายงานผลประกอบการของ Richemont บริษัทแม่ของแบรนด์หรูอย่าง Cartier ที่ผลประกอบการไม่ดีอย่างที่คาดไว้ในทั้ง 2 ประเทศ อาจทำให้หลายแบรนด์หรูต้องคิดหาวิธีเพิ่มรายได้หลังจากนี้

สาเหตุสำคัญคือเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีน แม้ว่า GDP ในไตรมาส 2 จะเติบโตมากถึง 6.3% แต่ก็เติบโตต่ำว่านักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะเดียวกันยอดค้าปลีกในแดนมังกรกลับไม่ได้เติบโตมากนักเหลือเพียงแค่ 3.1% เท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นแตกต่างกับหลายฝ่ายได้คาดไว้ในช่วงปลายปี 2022 ว่าหลังจากการเปิดเมืองจะทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตด้วยแรงเหวี่ยงเต็มที่ และนั่นจะส่งผลกลับมายังตลาดผู้บริโภคของจีน ซึ่งรวมถึงตลาดสินค้าหรูที่หลายแบรนด์มองไว้ในตอนแรกว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมถึงตลาดสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดหลักของผู้ผลิตสินค้าหรูนั้นคาดหวังว่ายอดขายในปีนี้จะเติบโตกว่าเดิมด้วยซ้ำ

แบรนด์หรูหลายแบรนด์ได้ลุยตลาดจีนโดยการเปิดสาขาตามเมืองรองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อู่ฮั่นและเจิ้งโจว หรือในสหรัฐอเมริกาอย่างเมืองชาร์ลอตต์และแนชวิลล์

Amrita Banta กรรมการผู้จัดการของบริษัทวิจัยที่มีชื่อว่า Agility ชี้ว่า ตลาดสินค้าหรูหรานั้นค่อนข้างที่จะมีภาพรวมสวยหรูกว่าตลาดผู้บริโภคโดยรวมในจีน แต่เธอได้ชี้ว่าเกือบทุกคนที่เธอได้พูดคุยด้วย มีความไม่แน่นอนในระดับหนึ่ง โดยสาเหตุสำคัญคือเรื่องของปัจจัยทางเศรษฐกิจ

ภาพจาก Shutterstock

โดยนักวิเคราะห์ของ Citi คาดว่าการฟื้นตัวของจีนจะไม่ใช่ในรูปตัว V แบบที่หลายฝ่ายคาดไว้ และจะต้องใช้เวลาหลายปีที่จะฟื้นตัว

ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกานั้นพบกับปัญหาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จากผลของเงินเฟ้อ ทำให้ลูกค้าในอดีตที่เคยสินค้าหรู ก็เลิกซื้อสินค้าหรูชั่วคราว รายได้ในไตรมาสแรกสำหรับบริษัทผลิตสินค้าหรูอย่าง LVMH และ Chanel นั้นการเติบโตในอเมริกาเหนือชะลอตัวลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว จากเดิมที่เติบโต 2 หลักในช่วงที่ผ่านมา

Erwan Rambourg นักวิเคราะห์จาก HSBC ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้แบรนด์หรูในยุโรปเริ่มให้ความสนใจกับลูกค้าคนรวยตามประเทศต่างๆ มากขึ้น ทำให้บริษัทผลิตสินค้าแบรนด์หรูมีความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดจีนนั้นต่ำกว่าสมัยปี 2019 ด้วยซ้ำ

นักวิเคราะห์จาก HSBC รายนี้ยังกล่าวเสริมว่า ในอดีตบริษัทผู้ผลิตสินค้าหรูได้เจาะตลาดญี่ปุ่นในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ต่อมาคือประเทศจีนก่อนการแพร่ระบาดของโควิด และในปัจจุบันนั้นหลายบริษัทได้เจาะหลายตลาดโดยไม่ได้พึ่งพาตลาดประเทศใดประเทศหนึ่งแล้ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี แต่เขาก็ชี้ว่าตลาดจีนและสหรัฐอเมริกาจะยังเติบโตต่อได้

สิ่งที่เราจะเห็นหลังจากนี้คือบริษัทผลิตสินค้าหรูจะเริ่มเจาะตลาดเศรษฐีเพิ่มมากขึ้นตามประเทศต่างๆ โดยไม่เน้นเจาะตลาดเฉพาะเจาะจง เพื่อจะลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ซึ่งนั่นจะสร้างความเสี่ยงให้กับบริษัทเหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา