“ยันฮี” แก้เกมตลาดน้ำวิตามินชะลอตัว ออกโปรดักส์ใหม่ “แคลเซียม วอเตอร์” เจาะกลุ่มครอบครัว

ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์
“ยันฮี” แบรนด์ดั้งเดิม “น้ำวิตามิน” ต้องพลิกกลยุทธ์แก้เกมเมื่อตลาดเริ่มชะลอตัว ออกโปรดักส์ใหม่ “แคลเซียม วอเตอร์” เจาะกลุ่มครอบครัว แย้มปี 2566 ยังมีโปรดักส์ใหม่อีก 2 รายการรอออกสู่ตลาด ทั้งที่อยู่ภายใต้บริษัทร่วมทุน “โอสถสภา” และที่ผลิตจำหน่ายเอง

แบรนด์น้ำวิตามินเจ้าเก่าอย่าง “ยันฮี” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเครือ “ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์” เป็นน้ำผสมแร่ธาตุแคลเซียม ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีปัญหาในการทานแคลเซียมจากแหล่งอื่น เช่น แพ้แลคโตสในนมวัว แคลเซียมเม็ดฟู่ทำให้เกิดอาการท้องอืด โดยเป็นผลิตภัณฑ์แต่งกลิ่นและรสโยเกิร์ต ช่วยให้ดื่มง่ายขึ้น

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบเวอเรจ จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ “ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์” เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแคลเซียมสูง เช่น ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน ผู้ที่มีภาวะกระดูกบาง ซึ่งภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แม้แต่ในวัยหนุ่มสาวก็มีคนที่เป็นโรคกระดูกบางเช่นกัน

กลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์นี้จึงมองว่าน่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว เพราะสามารถทานได้ทุกคน แต่เป้าหมายหลักน่าจะเป็นกลุ่ม ‘คุณแม่’ ซึ่งมักจะเป็นผู้ซื้อสินค้าเพื่อบำรุงสุขภาพให้กับทุกคนในบ้าน

ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์
ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์

ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา กรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบเวอเรจ จำกัด กล่าวว่า ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ ถือเป็นน้ำดื่มแคลเซียมเจ้าแรกในไทย ปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้วที่ 7-Eleven เป็นขนาดบรรจุ 460 มล. ราคา 25 บาท แต่ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้จะมีขนาดบรรจุ 350 มล. ราคา 17 บาท ออกจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดและร้านค้าดั้งเดิมทั่วประเทศด้วย

โอกาสการสร้างยอดขายของยันฮี แคลเซียม วอเตอร์นั้น จะขึ้นอยู่กับการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของแคลเซียมของผู้บริโภค ทำให้บริษัทมีงบการตลาด 60 ล้านบาทเตรียมไว้เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และให้ความรู้

รวมถึงมีการจัด “โครงการเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง” เปิดรับอาสาสมัคร 100 ท่านในวัย 30-60 ปี เพื่อมาทดลองดื่มยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถสร้างมวลกระดูกเพิ่มขึ้นได้จริงหรือไม่

 

ตลาด “น้ำวิตามิน” เริ่มโตช้า

การออกผลิตภัณฑ์น้ำผสมแร่ธาตุใหม่ๆ อย่าง “แคลเซียม” ของยันฮี นับได้ว่าเป็นการแก้เกม หาทางเลือกที่หลากหลายขึ้น เจาะความต้องการอื่นของผู้บริโภคในตลาดท่ามกลางตลาดที่เริ่มโตช้าลงของกลุ่มน้ำวิตามิน

ทพญ.สุชาวดี ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินในไทยปีนี้น่าจะมีมูลค่าตลาดราว 1,900 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าตลาดเริ่มโตช้าลง ถ้าเทียบกับปีที่ตลาดเคยพีคสูงสุด มูลค่าตลาดน้ำวิตามินเคยพุ่งไปมากกว่า 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน้ำวิตามินแบรนด์ “ยันฮี” ยังเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดนี้

ขณะที่ข้อมูลสถิติเก่าปี 2563 จาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เคยประเมินว่า น้ำดื่มผสมวิตามินในปีนั้นน่าจะมีมูลค่าตลาดขึ้นไปแตะ 5,500 ล้านบาท สะท้อนภาพความผันผวนของน้ำดื่มผสมวิตามินที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบเวอเรจ จำกัด และทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา กรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบเวอเรจ จำกัด

ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินเคยเฟื่องฟูอย่างมากเนื่องจากโควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญทำให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพ จึงนิยมทานอาหารเสริมที่มีสรรพคุณช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ยังผลให้น้ำดื่มผสมวิตามินยอดขายพุ่งจนสารพัดแบรนด์ต่างเข้ามาขอชิงเค้ก

ปัจจุบันน้ำดื่มผสมวิตามินที่ถือว่าเป็นผู้นำในตลาด ได้แก่ วิตอะเดย์ ของเจเนอรัล เบฟเวอเรจ, ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ของโรงพยาบาลยันฮี, บลู ของเซปเป้, น้ำด่าง 8.5 ของอิชิตัน และยังมีอีกหลายแบรนด์ที่กำลังพยายามตีตลาดเหมือนกัน เช่น อควาวิตซ์ ของศรีนานาพร, แมนซั่ม ของกลุ่มทีซีพี, น้ำดื่มวิตามินของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เป็นต้น

 

จับมือ “โอสถสภา” ออกผลิตภัณฑ์เพิ่ม

สำหรับผลิตภัณฑ์ “ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์” ถือเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับที่สองที่อยู่ภายใต้ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบเวอเรจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.โอสถสภา (ถือหุ้น 55%) และ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด (ถือหุ้น 45%) ก่อตั้งเมื่อปี 2565

นพ.สุพจน์กล่าวว่ากระบวนการทำงานร่วมกันของยันฮีกับโอสถสภา คือทางยันฮีจะคิดค้นวิจัยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพประชาชน จากนั้นนำเสนอกับทางโอสถสภา หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทับซ้อนกับที่โอสถสภามีการผลิตจำหน่ายอยู่แล้ว และมองเห็นลู่ทางการตลาดร่วมกัน ก็จะนำมาผลิตจำหน่ายภายใต้บริษัทร่วมทุนนี้

เหตุผลที่ทางยันฮีสนใจร่วมทุนกับโอสถสภา เนื่องจากเป็นบริษัทที่สนใจด้านเครื่องดื่มสุขภาพเช่นเดียวกัน และโอสถสภามีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ

ยันฮี วิตามิน วอเตอร์
ผลิตภัณฑ์ของยันฮี วิตามิน วอเตอร์

โดยผลิตภัณฑ์แรกที่อยู่ภายใต้บริษัทนี้คือ น้ำกัญชายันฮี ปัจจุบันชะลอการผลิตออกไปก่อน หลังจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกระแสสังคมดูยังไม่แน่นอน ส่วนยันฮี แคลเซียม วอเตอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สอง และในปีนี้จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลำดับที่สามภายใต้บริษัทร่วมทุน

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ยันฮีผลิตและจำหน่ายเองก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ยันฮี วิตามิน บี วอเตอร์ และ ยันฮี วิตามิน ซี วอเตอร์ รวมถึงในเดือนกันยายนนี้จะมีโปรดักส์ใหม่ที่ยันฮีผลิตและจำหน่ายเอง คือ เครื่องดื่มผสมแอลคาร์นิทีน ช่วยในการสลายไขมัน

ยันฮีระบุว่า โรงงานผลิตของบริษัทมีกำลังผลิตสูงถึง 300 ล้านขวดต่อปี ทำให้กำลังผลิตของบริษัทยังคงมีเพียงพอในการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ได้อีกมากจากนี้