รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการผ่อนคลายให้นักธุรกิจชาวต่างชาติสามารถเข้าประเทศทำธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาจีนประสบปัญหาเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 เม็ดเงินการลงทุนในจีนต่ำสุดในรอบ 18 ปี
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ได้ออกมาตรการที่ให้นักธุรกิจชาวต่างประเทศขอวีซ่าเข้าประเทศจีนได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการเดินทางไปประเทศจีนเพื่อประชุมทางธุรกิจ นิทรรศการ หรือการลงทุน แต่ไม่สามารถขอวีซ่าก่อนการเดินทางได้ทันสามารถใช้จดหมายรับรองจากบริษัทในจีนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มาตรการดังกล่าวมีไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
นอกจากนี้นักธุรกิจชาวต่างชาติที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศจีนหลายครั้งสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าธุรกิจสำหรับการเข้าเมืองหลายครั้งได้ หลังจากการกลับเข้ามาประเทศจีน โดยวีซ่าดังกล่าวจะมีอายุ 3 ปี
Jia Tongbin รองผู้อำนวยการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ กล่าวว่ามาตรการเหล่านี้จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางด้านธุรกิจ อำนวยความสะดวกแก่ผู้บริหาร นักธุรกิจ และบุคลากรต่างชาติในการดำเนินความร่วมมือทางการค้า เปิดใช้และเจรจากิจกรรมทางธุรกิจในประเทศจีน และมองว่าเรื่องนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน
ไม่เพียงเท่านี้ จีนยังเตรียมยกเลิกมาตรการที่ชาวต่างชาติจะมอบหนังสือเดินทางเมื่อยื่นขอวีซ่าพำนักอาศัยในจีน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศจีนมากถึง 700,000 คน
มาตรการดังกล่าวที่จีนได้เข็นออกมาถือเป็นความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีนสามารถเข้าออกประเทศได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งผลที่รัฐบาลคาดหวังคือจะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้ามาจีนอีกครั้ง
โดยตัวเลขเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 อยู่ที่ 98,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 ที่ผ่านมา FDI ของจีนถือว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 18 ปี แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวจากการเปิดประเทศก็ตาม
ขณะที่คาดการณ์ล่าสุดจาก IMF นั้นคาดว่า GDP ของจีนในปีนี้จะเติบโตเพียงแค่ 5.2% และในปี 2024 จะเติบโตแค่ 4.5% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดันจากความขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่เป็นใจ
Jens Eskelund ประธานหอการค้าของยุโรปที่มีธุรกิจจีน กล่าวว่า มาตรการวีซ่าล่าสุดถือเป็นสิ่งมาในทิศทางที่ถูกต้อง และหากได้รับการปฏิบัติในเวลาที่เหมาะสม จะช่วยจัดการกับความล่าช้าต่างๆ ที่นักธุรกิจชาวต่างชาติพบเจอถ้าหากเดินทางเข้าไปในจีน
อย่างไรก็ดีมาตรการดังกล่าวประธานหอการค้ารายนี้ได้ชี้ว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูการเดินทางด้านธุรกิจเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด หรือแม้แต่ฟื้นฟูความน่าดึงดูดในการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งในอดีตนั้นแดนมังกรถือเป็นเป้าหมายปลายทางของนักธุรกิจทั่วโลก ก่อนที่สถานการณ์ดังกล่าวได้เปลี่ยนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ที่มา – South China Morning Post, China Daily